หลนไก่งวงสับกับกุ้ง



แรงบันดาลใจเกิดจาก "ไม่เคยทำ"เลยค่ะ อิๆๆ เลยอยากลอง เพราะว่าไปรัฐเมนคราวก่อน ยืมหนังสือ"สารพัดอาหาร2...ของ..นิตยสารแม่บ้าน"เค้ารวมเล่มขายอ่ะค่ะ แล้วก็เปิดๆดูรูปก็สวย อาหารก็ดี แล้วก็มาสะดุดที่เค้ามี"หลนแหนม" และ "หลนพริกขี้หนู" ซึ่งเครื่องก็ต่างกันนิดหน่อย คงเป็นเพราะแหนมมันเปรี้ยว เครื่องเลยต่างกันนิด

ยังงัยก็ตาม เกิดอาการอยากกินมั่งค่ะ แหนม..ก็ไม่มี พริกก็กินเยอะไม่ได้ เดี๋ยวเข้า รพ.ไม่มีใครไปดูแล สามีต้องทำงาน เลยเอาวะ มีไก่งวงสับอยู่กับกุ้งสดแช่แข็ง เคยเห็นในบล๊อก รู้สึกว่าจะบล๊อกแม่สลิ่ม เคยทำหลนกุ้งสด แต่ตอนนี้รู้สึกสับสนตัวเองมาก ชั้นจะทำหลนอะไรดีเนี่ยยยยยย

ว่าแล้วก็หยิบหนังสือมาไว้ใกล้ตัว เทียบสองเมนูของ"แม่บ้าน..สารพัดอาหาร 2" เทียบไปมา โอ๊ย...มั่วหน่อยแล้วกัน(ทำหลายวันแล้ว..ต้องนึกก่อนว่าตัวเองใส่อะไรไปบ้าง แฮ่ะๆๆ) ออกมาดังนี้ค่ะ เอาสะดวกเข้าว่าอ่ะนะ

เครื่อง

  • กะทิกระป๋อง 1 กระป๋อง(14 ออนซ์)
  • เนื้อไก่งวงสับ 1 ปอนด์(โปรตีน..เน้นๆ อิๆๆ)
  • กุ้งสดแช่แข็ง 10 กว่าตัว ล้าง ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ
  • หอมแดงซอย 10 กว่าหัว(เพราะชอบหอมแดงค่ะ)หั่นเป็นเส้นๆ
  • พริกสดผ่าครึ่ง ตามชอบค่ะ แต่แอนน์ได้ไม่เกิน 5 เม็ดค่ะ เดี๋ยวแย่
  • เกลือป่น 1/2 ชต.
  • น้ำตาลทราย 2 ชต.
  • ผงมะขาม 1 ชต.

วิธีทำ

ตั้งน้ำกะทิให้เดือดเติมเกลือ น้ำตาล ผงมะขามหรือน้ำมะขามเปียก 2 ชต.ใส่เนื้อไก่งวงสับ ตั้งไฟให้สุก ชิมรสให้ได้ 3 รส เค็ม เปรี้ยว หวาน หรือตามชอบนะเติมพริก เติมกุ้ง ปิดไฟเลยค่ะ เดี๋ยวกุ้งแข็งไม่รู้ด้วยนะ

ราดข้าว ลองกินดู เออ..ก็ใช้ได้นะ แม้ว่าเนื้อไก่งวงจะไม่เพอร์เฟคเท่าหมูสับ หรือแหนม แต่ก็ทำให้นั่งละเลียดฝันไปได้พักนึง อิๆ พักนี้สงสัยจะคิดถึงบ้านมาก ยิ่งใกล้วันจะกลับ(อีก 10 เดือนแน่ะคับเพื่อน เห่อมะ..)ยิ่งสรรหาอาหารไทยมาทานใหญ่เลย ซ้อมๆไว้หรือปล่าวเนี่ย ในรูปมีแต่หลนคลุกข้าวสวย เพราะว่าไม่มีผักค่ะ วันที่ทำ ก็อยากมากอ่ะนะ แต่ยังไม่ได้ไปตลาดซื้อผักซื้อหมู เลยเอาแบบค้นตู้เย็นมาทำเลย ถึงจะมั่ว แต่กินได้ ไม่อดอยากนะคับท่าน

ไข่พะโล้+หมูพะโล้



ในหม้อนี้ดูดีๆขวามือจะเห็นโซ่เป็นเส้นๆ อันนั้นเป็นตะกร้อที่ซื้อมาจากร้านญี่ปุ่นในเมืองค่ะ ใส่พวกเครื่องเทศของเราที่เป็นชิ้นๆอ่ะ เพราะขี้เกียจแยกเวลาเราต้มเสร็จแล้วอ่ะค่ะ แอนน์ไม่ชอบกัดดอกโป๊ยกั๊กค่ะ เสียอารมณ์ เลยจัดการแยกไว้เลย
----------------------------------------------------
ส่วนมันที่ลอยหน้าอ่ะ มีบ้างนิดหน่อย แต่เราก็ตักทิ้งได้ระหว่างที่เราต้มจะมีพวกกากที่เกิดจากเลือดดูเหมือนสกปรก ตักทิ้งไปพร้อมกับมันลอยหน้าได้เลยค่ะ แต่ถ้าไม่หมดสมใจก็ไม่ต้องตกใจ(มันอ่ะค่ะ) เมื่อเราใส่ตุ้เย็น วันต่อมามันมันก็แข็งลอยหน้า เราก็ตักทิ้งง่ายๆ เป็นเคล็ดลับอีกอันนึงค่ะ สำหรับคนที่เกลียดมันเหลือเกิน หรือระวังเรื่องไขมันอยู่อ่ะค่ะ



เอารูปเก่า ใหม่ มาผสมกันบ้าง นี่ก็ถ่ายไว้นานแล้วค่ะ เคยเอารูปมาลง แต่จำไม่ได้ว่าเคยลงวิธีทำหรือปล่าว



บางรอบฟลุ๊ก ได้ชิ้นติดเอ็นมา มันนุ่มลิ้นมากมายเลยค่ะ เพียงแต่ต้องต้มนานหน่อยแค่นั้นเอง



ราดข้าวเสร็จแล้วก็บี้ไข่เลยค่ะ แอนน์ชอบให้ไข่แดงปนกับน้ำหมดเลย แล้วก็สับๆๆๆๆด้วยช้อน น่าทานดี พริกป่นหน่อยนึง มาดูวิธีทำกันนะคะ

เครื่อง

  • หมู 2-3 ปอนด์ ตัดเป็นก้อนๆละครึ่งฝ่ามือ เพราะเดี๋ยวมันหดอีก
  • ไข่ 12 ฟอง ต้มทิ้งไว้ให้เย็นแล้วแกะ ตอนต้มเติมเกลือ อาจช่วยเรื่องแกะให้ง่ายหน่อย หรือไข่ที่ไม่ต้องสดมากก็แกะง่าย
  • น้ำ 6-8 ถ้วยตวงโดยประมาณ
  • เกลือ 1 ชต.
  • ซีอิ๊วขาว
  • ซีอิ๊วฝาเขียวภูเขาทอง
  • น้ำตาลทรายแดง 2 ถ้วยตวง โดยประมาณ หรือน้ำตาลปี๊บทั้งก้อน(น่ากลัวเนอะ แต่ทำแล้วอร่อย อิๆๆ)
  • ซีอิ๊วดำ 1/4 ถต. อันนี้แล้วแต่ยี่ห้ออ่ะค่ะ แอนน์มีของอินโดมันแบบหวานก็จะไม่ค่อยดำ ใส่เยอะเป็นถ้วยเลย
  • พริกไทยดำป่น(เอง)หอมกว่าประมาณ 1 ชช.
  • ผงทำพะโล้ ใส่เพิ่มเข้าไปอีกอ่ะค่ะ หอมดี กลัวไม่พอ แต่ไม่มีก็เติมของข้างล่างเพิ่มอีกนิด
  • กระเทียม 5-6 กลีบตัดครึ่งทางยาว
  • ลูกผักชี ประมาณ 1 ชช.เพิ่มความหอมเพราะเราไม่มีรากผักชี
  • โป๊ยกั๊ก 6-7 ดอก
  • อบเชย เป็นก้านๆยาวเท่านิ้วซักประมาณ 2-3 ก้าน และยังแอบเติมอบเชยป่นแบบกระป๋องไปอีก 1 ชช.เลย เพราะชอบ

วิธีทำ

1.ต้มน้ำใส่เกลือรอให้เดือด
2.กระเทียมสด ลูกผักชี โป๊ยกั๊ก อบเชยก้าน ใส่ตระกร้อ หย่อนลงในหม้อน้ำเดือดได้เลยต้มซักพักให้เครื่องเทศหอมออกมาหน่อย
3.เติมซอสปรุงรสทั้งหลาย และน้ำตาล พริกไทย ผงพะโล้
4.ชิมตามชอบนิดนึงก่อน แล้วค่อยผ่อนไฟกลาง เอาไข่ลงไป เอาหมูลงไป ต้มไฟอ่อนถึงปานกลาง คอยช้อนเอาฟองและน้ำเลือดที่สุกลอยหน้าออก จะทำให้น้ำดูน่ากินหน่อย ต้มราวๆ 2 ชม.นู่น

ต้องคอยเช็คดูหมูเอาถึงจะรู้ เพราะถ้านานไปหมูก็อาจจะเปื่อยเป็นเหมือนกระดาษโดนน้ำได้เหมือนกัน พอหมูสุก เราก็ชิมรสอีกครั้งนึงว่าพอใจหรือปล่าว บ้านแอนน์ชอบออกหวานนิดนึง เค็มนำ หวานตามอ่ะค่ะ กระเทียม อบเชยต้องถึง วิธีทำอาจจะแปลกกว่าบ้านอื่น แต่เป็นเพราะว่าแอนน์จำมาจากพี่สาวสามีที่เค้าโตที่นี่เค้าก็ทำแบบฝรั่ง และส่วนอื่นๆแอนน์ก็จำมาจากน้าที่เค้าเคยทำให้กินตอนทำงานอยู่ร้านเค้าอ่ะค่ะ พอเราปิดไฟแล้วมันก็ยังคง cook ตัวมันเองต่อไปอยู่นั่นเอง

**หมู...แอนน์เลือกใช้ pork tenderloin ที่เค้าขายเป็นเส้นๆอ่ะค่ะ ใช้ทีสองท่อนเลยท่อนยาวเท่าแขนค่ะหรือบางทีก็ใช้ boneless country style ribs แต่ที่ชอบที่สุดชอบ pork butt ซื้อมาทั้งขาเลยค่ะ มาแล่เอามันๆออกไปทิ้ง แล้วเนื้อที่ได้อร่อยมากที่สุดเลย เพียงแต่ใช้เวลาแล่นานหน่อย ตามมีตามเกิด เช่นเคยค่ะ บ้านเรามีอะไรก็ใส่ไปอ่ะค่ะ อิๆๆๆ วัยเรียนอย่างหมอเค็ง จำเป็นต่อสุขภาพอย่างยิ่งค่ะ เพื่อการเรียน อิๆๆ ส่วนแม่บ้าน มีลูก ลูกก็ทานดี มีแต่ของจำเป็นต่อเด็กๆทั้งนั้นเลยค่ะ

Beef Broccoli basil and hot peppers



เมนูนี้เพิ่งจะทำสดๆร้อนๆเมื่อคืนนี้นี่เองนะคะ มันอร่อยเหลือหลาย เลยลัดคิวเอามาลงก่อน อิๆๆ สีสันบาดจิตบาดใจ แม่แอนน์เนี่ยชอบมากมายเลย โปรดนัก ตอนแม่มาเมกา แม่กินเกือบทุกวัน แม่บอกกินได้ไม่มีเบื่อ ชอบบร๊อคโคลี่นัก ส่วนแอนน์อ่ะ กินบ้าง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะ...มันมี"แก๊ส"ค่ะ หุๆๆ แต่มันก็ดีกับเรามากนะคะ กรุบกรอบดีเหลือหลาย สามีแอนน์ชอบมาก ก็ประมาณ เนื้อน้ำมันหอย หรือ น้ำราดหน้า ละมังนะ แต่ใส่ทีเด็ดความหอมเข้าไปด้วย.....พริกสดหั่น...กับ...โหระพาสดๆหอมๆ มันเข้ากันดีมากเลย
--------------------------------------------------
จริงๆแล้วเมนูนี้มันเกิดมาจากการที่ลูกสาวฝรั่ง ลูกติดเมียเก่าอ่ะ เค้ามากินอาหารที่ร้านเรา แล้วก็ติดใจผัด Basil Chicken ของที่ร้าน หรือกระเพราไก่ ที่คนไทยเอามาดัดแปลงขายให้ฝรั่งที่นี่อ่ะนะ แล้วทีนี้เด็กอ่ะ ก็ชอบแต่บร๊อคโคลี่ เลยสั่ง เอาแต่ไก่ บร๊อคโคลี่ และ โหระพา เลยกลายเป็นไอเดียที่พี่เคลย์ชอบเหมือนกัน แต่...วันนี้เราทำเนื้อค่ะ เพราะได้เนื้อสดๆมาหมักไว้แล้ว ปรกติซื้อเนื้อแล้วไม่ค่อยชอบแช่แข็ง ชอบเลือกสดที่สุดมาหมักไว้ และผัดได้เลยอ่ะ
--------------------------------------------------
เครื่อง
  • น้ำมัน
  • กระเทียมสับ กับรายการนี้ชอบเยอะกว่าปรกตินิดนึง หอมดี
  • เนื้อวัว(ของแอนน์มีแอบติดเอ็นมาด้วย น่าอร่อย)หมักกับน้ำมันงา แป้งข้าวโพดนิดนึง พริกไทย ซอสปรุงรสภูเขาทองฝาเขียวนิด และน้ำมันหอย อ้อ..โซดานิดนึงด้วย แต่ไม่ใส่ก็ได้
  • พริกสด หั่นตามชอบ ไม่ชอบหั่นเยอะ เพราะกลัวเผ็ดมากแล้วแอนน์ทานไมได้
  • น้ำมันหอย
  • ซอสภูเขาทองฝาเขียว
  • น้ำตาลนิดนึง สำหรับปรุงรส
  • โหระพาสด
  • บร๊อคโคลี่ หั่นพอคำ แช่น้ำไว้รอ และเอาขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
  • น้ำ+แป้งข้าวโพดประมาณ 2-3 ชช.

วิธีทำ

เหมือนเดิม ตั้งกระทะ น้ำมัน กระเทียม เหลืองแล้วเติมพริกสดลงไป และตามด้วยเนื้อ ปรุงรส พอสุกแล้ว เติมน้ำที่ละลายแป้งไว้รอแล้ว อย่าคืนคนให้เข้ากันก่อนเท เมื่อแป้งเริ่มสุกก็เติมผักทั้งหมดลงไป ผัดซักประมาณ 5 นาที ปิดไฟได้เลย

ที่ต้องเอาผักลงทีหลังเพราะว่า เตาไฟฟ้าอ่ะเก็บความร้อนนาน ถ้าหากเราผัดผักนาน เวลาที่เราปิดและพักหม้อไว้ หรือแม้แต่เลื่อนหม้อไปไว้ที่ไม่ร้อน ตัวผัดเองก็ยังร้อนและยังคงทำการ cook ต่อไปอยู่ เลยต้องใช้วิธีใส่ผักทีหลังแล้วปิดไฟอ่ะ

ส่วนเนื้อ ปรกติถ้าเราไม่มีเตาแก๊สอย่างบ้านแอนน์เนี่ย เวลาผัด น้ำเนื้อออกมาเยอะจนไม่น่าทาน หมายถึงเลือดเค้าอ่ะ แอนน์เลยใช้วิธีเอาใส่ไมโครเวฟก่อน แต่แอนน์ใช้ปุ่มที่เค้าทำละลายอาหารที่ออกจากฟรีซเซอร์อ่ะค่ะ หรือ defrost อ่ะ 10 นาที หรือลัดๆเลย ใส่ไมโครเวฟไป อย่างเนื้อ 1 ปอนด์ ก็เวฟซัก 2-3 นาที แล้วก็เทน้ำออก เอาแต่เนื้อมาผัด ทำให้มันน่าอร่อยกว่าเดิม ไม่แฉะ ไม่ดูเละเทะ ดูเนื้อเป็นเนื้อ เป็นชิ้นๆ เด้งๆค่ะ

หมูผัดกะปิและพริกหวานเล็ก



เครื่อง

  • น้ำมัน
  • กระเทียมสับ
  • หมูหั่นเป็นชิ้นๆ 1 ปอนด์
  • กะปิละลายน้ำร้อน ประมาณ 1 ชต.ได้มั๊ง กะเอา บี้กับน้ำร้อนนิดหน่อยพอละลาย
  • น้ำมันหอย
  • น้ำปลา
  • แป้งข้าวโพดละลายน้ำนิดหน่อย(ประมาณ 1 ชต.อ่ะนะ)
  • *พริกหวานเล็ก

*พริกนี้ ชื่อ vine sweet mini peppers ได้มาจากตลาดวอลมาร์ท ล้างหั่นเป็นแว่น หรือเป็นแท่งๆก็ได้ตามชอบ แอนน์ใส่ไปทั้งกล่องเลย หลายเม็ดอยู่เหมือนกัน ไม่เผ็ดเลยซักนิดเดียว แต่กลิ่นและรสชาดไม่เหมือนพริกเบลเท่าไร อร่อยต่างกัน

วิธีทำ

ตั้งกระทะ น้ำมัน กระเทียม เหลืองหอมแล้วก็เติมหมูรวนพอเกือบสุก เติมน้ำกะปิ น้ำมันหอยนิดนึง ต้องระวังเพราะกะปิก็เค็มอยู่แล้ว ถ้าใครไม่สะใจเติมน้ำปลา เพิ่มความหอมแบบเราๆ ที่ฝรั่งต้องกลัวววววว อิๆๆ หมูสุกดีก็เติมพริกหวานได้เลย และเติมน้ำละลายแป้งข้าวโพดเลย พอสุกดีก็ยกลง ราดข้าวคับ โซ๊ยได้เลยคับอันนี้

ในรูปทำเหนียวไปหน่อย ในความคิด คิดว่าเหนียวแป้งไป ไม่อร่อย คิดว่าอาหารชนิดนี้ที่ชอบทาน ไม่ชอบเหนียวแป้งมากขนาดนี้ คือแบบว่าปรกติมีแต่น้าทำให้กินสมัย 4 ปีที่แล้วได้ และไม่เคยได้ทำเองเลย จนเมื่อต้นปี สบโอกาสเลยลองทำเอง ปรากฎว่าเติมแป้งมากไป อิๆๆ คราวหน้าจะต้องทำให้เหมือนเค้าให้ได้เลยเชียว เพราะจำได้ว่าอร่อยมากๆซัดข้าวไป 2 จานเต็มๆ กะปิอ่ะนะ ใครจะอดใจไหว

ว่าแต่เคยเห็นกันป่าวคะเมนูนี้อ่ะ...

ผัดวุ้นเส้น



เครื่อง

  • น้ำมัน
  • กระเทียมสับ
  • หมูหั่นเป็นชิ้นๆ
  • ไข่
  • วุ้นเส้น(เมืองไทยคงแช่น้ำเอา แต่เราต้มเลย)
  • ผัดกาดขาวหั่นเป็นเส้นๆ
  • แครอทหั่นเป็นแท่งเล็กๆ
  • น้ำมันหอย
  • น้ำตาล
  • ซีอิ๊วขาว
  • ผักชีโรยหน้า

วิธีทำ

เหมือนเดิมค่ะ ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน เจียวกระเทียมพอเหลือง ก็ผัดหมูพอเริ่มสุก ปรุงรสเลย และ ตอกไข่ลง อย่าเพิ่งคน รอซักนิดค่อยคน เพื่อไม่ให้ไข่มันเละ ทำให้มันแบบรวนๆอร่อยกว่า พูดงัยดี คล้ายกับตอนผัดไทยอ่ะนะ ที่ต้องใส่ไข่ทีหลังหมูเนี่ย กลัวหมูไม่สุก กลัวไข่จะไหม้ก่อน อิๆๆ ไม่รู้ครัวอื่นเค้าทำกันยังงัย แล้วก็เอาผักใส่ตามลำดับความาสุกยาก แอนน์ใส่แครอทเข้าไปก่อนไข่อีกค่ะ เพราะถ้ามันแข็งแอนน์กัดไม่ได้ แล้วเติมวุ้นเส้นซึ่งแอนน์ต้มไว้ก่อนหน้านี้ครึ่งทางค่ะ เพราะถ้าไม่ต้มไว้เอามาผัดเลยจะไม่ได้เรื่อง เพราะเตาที่บ้านไม่ใช่เตาแก๊ส ทำให้การทำอาหารมันแปลกออกไปอ่ะค่ะ เลยลัดเลยด้วยการต้มเส้นไว้รอแต่อย่านานจนเละแค่นั้นเอง เติมวุ้นเส้นแล้วก็ปรุงรสอีกนิดหน่อย ชิมตามชอบ และก็เอาผักชีมาโรยหน้าให้สีตัดกัน อิๆๆ

สามีเค้าไม่ชอบมะเขือเทศ เลยไม่ใส่ และส่วนตัวของตัวเองก็ไม่ชอบมะเขือเทศในผัดวุ้นเส้น ส่วนผักที่ใส่ วันนั้นมีอะไรก็ใส่ไป มันเลยออกมาแบบนี้แหละค่ะ เอ..คราวหน้าจะทำ"ยำวุ้นเส้น"ดีป่ะน๊า มีแต่วุ้นเส้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แกงจืดวุ้นเส้นหมูสับ+ไข่เจียวน้ำ



ยังคงเป็นอาหารไทยกันอยู่ เพราะว่าได้ทำแกงจืดก็หลายทีละ แต่ไม่เคยเอารูปมาลง คราวนี้"แกงจืดวุ้นเส้นหมูสับ(อีกละ..บ้านนี้ชอบกินค่ะ)ไข่เจียวน้ำ" คือทำทั้งที ทำครบเครื่องเลย อิๆๆ

เมื่อก่อนนะเคยกินแต่วุ้นเส้นห่อถุงๆและมีตาข่ายพลาสติคห่ออีกที ไม่รู้ยี่ห้ออะไร ร้านอาหารชอบใช้กันอ่ะ แต่กินทีไร เสียศูนย์ทุกที มันแข็ง ไม่นิ่ม ไม่ใส แต่คราวที่ไปเจอเจ้าวุ้นเส้นนี้ที่วอลมาร์ท เลยลองเอามาทำทาน เพราะเราไม่ได้ซื้อมาจากร้านเอเชีย เพราะเข็ด ไม่อร่อย พอเอามาลอง อุ๊ย..ทำไมมันเหนียว ใส เช่นนี้ แถมไม่ต้องแช่ ใช้วิธีลัดของฝรั่ง คือ ต้มเอาเลย แป๊บนึงก็เอามาทำอาหารได้ละ แต่ถ้าทำแกงจืดก็เอาลงต้มได้เลย

อันนี้ก็อีกอ่ะนะ หลายๆคนก็คงทำเป็นอยู่แล้ว แอนน์ก็เอาแบบง่ายๆแล้วกัน

เครื่อง

  • น้ำ กะเอา ไม่พอก็เติมตามชอบ
  • หมูสับ(หมักใส่ซีอิ๊วขาว พริกไทย เบคกิ้งโซดานิ๊ดดดนึง หมักซักไม่ต่ำกว่า 1 ชม.) แอนน์ใช้ 1 ปอนด์
  • คนอร์หมู 1-2 ก้อน(ถ้าไม่ใช้ก็ใช้น้ำซุปต้มจากกระดูกหมู และปรุงรสด้วยเกลือและซีอิ๊วขาว)
  • ผักกาดขาว 1 ต้น(ที่นี่อวบมากกก)
  • ต้นหอมหั่นท่อน ไว้โรยหน้าตอนสุดท้าย ซัก 5-6 ต้น
  • ไข่เจียว หั่นเป็นคำๆ ตามชอบ
  • ซีอิ๊วขาว ปรุงรสเพิ่ม

วิธีทำ

ต้มน้ำเดือดแล้ว เอามาตักลงไปเป็นลูกๆ ติ๊ต่างว่าทำลูกชิ้นอยู่ คนอร์ตามลงไป เอาผักลง แล้วแอนน์ก็ปิดไฟเลย เพราะผักกาดขาวเนี่ยสุกเร็วอ่ะ แต่ว่าเตาบ้านใครเป็นแบบไหนก็ปรับเอาเองนะคะ เพราะของแอนน์เป็นไฟฟ้า จะแบนๆ พอปิด แต่ความร้อนยังอยู่อีกซักพัก เสร็จแล้วก็เอาไข่เจียวหั่น กับต้นหอม ลงไปได้เลย ทิ้งไว้ซัก 15 นาทีค่อยตักทาน จะได้ไม่ลวกปาก อิๆๆ เค็มไม่พอก็เติมซีอิ๊วขาว แอนน์อ่ะว่าพอดี แต่คุณสามีทานเค็มกว่า เค้าเลยต้องเติมซีอิ๊วขาวอีก และบางคนก็ชอบน้ำมากน้ำน้อยต่างกันอีก แหม..ทุกคนเป็นอยู่แล้วอ่ะนะ แอนน์ก็พูดไปเรื่อย

วันนี้เป็นอาหารเบาๆเนอะ

ผัดหมูผักกาดดองกับพริกสด



เมนูนี้ใครเคยเห็นบ้างคะ แอนน์ยังไม่เคยเห็นใครทำเลย แต่ทำไมบ้านแอนน์ถึงชอบกันนัก พ่อแอนน์นะชอบที่สุด ทำเกือบทุกวันจนพ่อเบื่อเลยค่ะ แต่สุดท้ายก็กลับมากินเหมือนเดิม มันคือ"ผัดหมูใส่ผักกาดดองกับพริกสดค่ะ" อันนี้ชอบมาก พี่เคลย์ก็ชอบ ผัดให้ทานชอบใจใหญ่เลย พี่เคลย์บอกว่าเคยทานแต่ต้มกระดูกหมูผักกาดดอง แต่อันนี้ก็อร่อยเขาบอก เลยเป็นเมนูประจำอีกอันค่ะ แต่เวลาผัดต้องระวัง เพราะผักกาดดองหลายที่มันเค็ม

เครื่อง

  • น้ำมันสำหรับผัด
  • กระเทียมสด 2-3 กลีบ
  • หมูหั่นเป็นชิ้นๆ ประมาณ 1 ปอนด์
  • ผักกาดดอง หั่นเป็นชิ้นๆพอคำ ซักประมาณต้นนึง หรือ ให้สมดุลกับหมูอ่ะนะ
  • พริกสด ตามชอบ แอนน์กลัวเผ็ดก็ 2-3 เม็ดตัดทางยาว
  • ต้นหอม หั่นเป็นท่อนซัก 3-4 ต้น
  • น้ำมันหอยปรุงรส
  • น้ำตาล(ถ้าชอบ แต่พ่อแอนน์..ไม่ชอบ..ก็ไม่ใส่)

วิธีทำ

1.เหมือนเคย ตั้งน้ำมันให้ร้อน ลงกระเทียมพอเหลืองหอมเติมพริกสดหั่น แล้วก็เติมหมู ระวังจะจามใส่กระทะนะคะ
2.หมูเริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย(ต้องระวังเพราะผักกาดดองส่วนมากเค็มอยู่แล้ว)แอนน์ชอบเอาน้ำตาลมาตัดรสเค็มนิดๆ เรื่องซอสปรุงรส น้ำปลา หรืออันไหนที่เค็มๆต้องยั้งไว้ก่อน เดี๋ยวเค็มมากไปแก้ยากมากค่ะ
3.ได้แล้วเอาผักกาดดองลงได้เลย
4.ผัดซักครู่ก็ปิดไฟ เติมต้นหอมได้เลยจะได้ไม่เละเกินไป เพราะความร้อนที่อาหารยังคงอยุ่ ก็จะทำให้หอมจะสุกไป
5.เสร็จแล้วค่ะ จานนี้เพอร์เฟคมากๆกับข้าวสวยร้อนๆ กินทีไรคิดถึงพ่อทุกทีเลยค่ะ

จริงๆทุกอย่างของพวกนี้ ถ้าเราทำอาหารจนชิน เราก็จะกะๆๆๆเอาอ่ะค่ะ แล้วก็ชิม ไมได้มีสูตรอะไรตายตัว ไม่เหมือนคนต่างประเทศที่จะทำอะไรก็ต้องตวง ซึ่งมันก็ดีนะคะ แต่แอนน์ขี้เกียจเปลืองหลายถ้วยจานใส่ของ ผัดๆเทๆลงมันที่กระทะหรือหม้อเลยนั่นแหละ ไม่เปลืองดี

เกี๊ยวน้ำ+หมูแดง..แบบง่ายๆ



เกี๊ยวน้ำ+หมูแดงมาแล้วค่ะ มาแบบอดๆอยากๆ บ้านนี้ชอบหมูแดง กินเล่นก็กิน ชอบซื้อหมูเส้นหรือ pork loin ที่ตลาดมาตัดเป็น 3-4 ท่อนยาวๆ แล้วก็ล้างหมักด้วยผงหมูแดง ที่ใช้ประจำก็ยี่ห้อคุ่ใจชาวไทยทั้งไกลบ้าน ใกล้บ้าน ก็ชอบกันทั้งนั้น แต่รอบนี้พยายามใช้ของจีนได้ซื้อมานานแล้ว มาลองดู แต่...มันแดงน่ากลัวอ่ะ ไม่ชอบเลย ชอบสีโลโบ้มากกว่า แต่ยังงัยก็ตาม ของจีนบางยี่ห้อก็สวยและอร่อยเหมือนทำที่ร้านจีนร้านดังที่ไชน่าทาวน์-บอสตันเลย (แต่จะให้เยี่ยมเหมือนไทยจริงๆคงยาก) ของจีนบางซองปรุงเรียบร้อย ผสมน้ำตาลให้เสร็จสรรพ เวลาอบออกมาน้ำเยิ้มๆอร่อย แต่ก็ไม่รู้ซื้อมาจากไหน
---------------------------------------------------
วกเข้ามาที่เรื่องเดิม ทำหมูแดงกินเองก็มีแค่
  • ผงหมูแดง(โลโบ้) 1 ซอง
  • น้ำตาลทรายแดง ประมาณ 2 ชต.
  • น้ำผึ้งนิดหน่อย(หมัก)+น้ำผึ้งทาตอนย่างโดยเทใส่น้ำหมักเลย
  • เกลือนิดหน่อย
  • ซอสหอยนางรม 2 ชต.
  • น้ำนิดหน่อย 2 ชต.
  • น้ำมันงา 1 ชต.

(อันที่จริงแล้วเวลาทำกะเอาทั้งหมดเลย อิๆๆ)ที่ใส่แล้วก็หมักก็มีเท่านี้เอง หมักทิ้งไว้ข้ามคืนเลย มันเข้าเนื้อดีหลังจากนั้นก็เอาออกมาย่าง ทีนี้ใช้วิธีย่างที่เตาอบจนเริ่มจะชินซะละ ง่ายดี เอามาย่างในเตาอบก็เอาตะแกรงย่างวางบนถาดอบอีกที เพื่อให้น้ำไหลออกไปเวลาอบ ประมาณ 325 F ข้างละ 20-25 นาที และก็ broil ข้างละ 5-7 นาที เพื่อให้ผิวนอกมีรอยเกรียมนิดๆ หอมดี ระหว่างนั้นก็เอาน้ำหมักใส่น้ำผึ้งและก็ทาผิวที่ย่างไปด้วย

---------------------------------------------------

เกี๊ยว

  • แผ่นเกี๊ยว(แผ่นเกี๋ยวแบบไข่แถวบ้านไม่มีขาย ได้แต่แบบที่เขาทำเกี๊ยวซ่า ก็เอา เพราะกลัวอด อิๆๆ แผ่นมันเลยหนาเตอะๆไปนิด)
  • ไส้เกี๊ยว=หมูสับ+กระเทียมผง+พริกไทยดำกับลูกผักชีนิดนึงตำละเอียด+น้ำมันหอยนิด+ซีอิ๊วขาว+เบคกิ้งโซดานิดนึง(ทำให้เด้ง)= หมักทิ้งไว้อย่างต่ำ 1 ชม.

ห่อเกี๊ยวไว้ได้เลย

น้ำซุป

วันนี้ง่ายมาก น้ำเดือด+คนอร์หมู แค่เนี๊ยะระหว่างต้มน้ำซุปก็ต้มน้ำอีกหม้อให้เดือดไว้ต้มเกี๊ยว เดือดแล้วก็เอาเกี๊ยวลงต้ม ลอยขึ้นก็ตักใส่น้ำเย็น ตักใส่ถ้วย หั่นหมู ใส่ผักต้ม(มีแต่บ๊อกชอยค่ะ..แค่บ๊อกชอยก็หายากแทบตายแล้วค่ะ..บางครั้งอดอยากจริงๆก็เอาผักกาดขาวแทน อิๆๆ)ก็บอกแล้ววววว ไม่ได้อยู่เมืองไทยอะไรก็ไม่ได้สมบูรณ์ โรยหน้าด้วยหอมกับผักชีหั่นก็คงเริดสุดแล้วอ่ะเนอะส่งสะเบียงให้ซะมีไปทำงานได้อีกต่างหาก อยู่ที่นี่ทำทีละนิดแบบเมืองไทยไม่ค่อยได้ ทำทีทำเก็บใส่ตู้เย็นไว้เลย ปรุงรสตามชอบเน้อ

กระเพราหมูสับไข่ดาว


รู้อ่ะนะว่าใครๆก็ทำกระเพราเป็น แต่ว่าก็อยากเอามาอวดบ้าง เพราะว่าทำบ่อยมากกกก ถึงมากที่สุด เพราะใครล่ะ...สามีอ่ะสิคะ ไหนจะพี่เขยฝรั่ง ชอบจั๊งงงงง แฮ่ะๆๆ แอนน์ก็ชอบนะ แต่ว่าแอนน์เล่นแบบง่ายๆ ก็อย่างว่า อยู่เมืองฝรั่งเขา จะซื้อของไทยๆมากินก็ต้องไปหาซอสเป็นขวดๆมาเก็บไว้ประทังชีวิต ว่าเป็นเล่นไปนะคะ "น้ำพริกผัดซอสกระเพรา..ยี่ห้อแม่ศรี"เนี่ย ต่อชีวิตยามคิดถึงไทยแลนด์ได้มากโขเลยค่ะ มีโอกาสเป็นฉันทนาเข้ากรุงทีไร เป็นต้องเหมาหมดลัง เฮอะๆๆ ก็แหม..ผัดทีเล่นผัดซอสทีละครึ่งขวดค่อยถึงใจ งั้นๆเขียนๆวิธีทำพอเป็นพิธีเนอะ ชาวบ้านชาวช่องเขาทำเป็นกันหมดแหละ
----------------------------------------------------------
เครื่อง
น้ำมัน(อะไรก็ได้..แต่ที่บ้านชอบ..คาโนล่า)กะเอา
กระเทียมสดสับหยาบ 4-5 กลีบ
ซอสผัดกระเพรา 1/2 ขวดเลยยยย
หมูสับ 1 ปอนด์
ซอสหอยนางรม ประมาณ 2-3 ชต.
ซอสภูเขาฝาเขียวปรุงรส ประมาณ 1 ชต.
น้ำตาลนิดนึง(บางบ้านไม่ชอบ ไม่ต้องใส่ บ้านนี้ชอบค่ะ)
ถั่วฝักยาวหั่นเล็กๆก็ราวๆ 1/2 ปอนด์(แต่ที่บ้านชอบเยอะ)
โหระพา ตามชอบ
หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า(ถ้าชอบ) 1/2 ถ้วยตวงก็ได้
วิธีทำ
1.ตั้งน้ำมันร้อนแล้ว กระเทียมตาม เหลืองแล้วลงซอสกระเพรา ตามด้วยหมู
2.ผัดจนหมูสุกดี ปรุงรส ด้วยซอสปรุงรส ซอสหอยนางรม และ น้ำตาล
3.เติมผักถั่วฝักยาว ผัดแป๊บปิดไฟได้เลย แต่ที่บ้านเป็นเตาไฟฟ้าแบนๆอ่ะ ปิดเตาแล้วความร้อนก็ยังคงอยู่ก็มักจะใส่ผัก แล้วปิดไฟเลยทันที แล้วก็ผัดต่อทั้งที่ปิดไฟอ่ะแหละ สามีไม่ชอบผักสุกมาก และก็ตามด้วยหอมขาวได้เลย ตบท้ายด้วยโหระพา
4.ไปทำไข่ดาวได้เลยคับ ตักข้าวสวยใส่จาน ราดกระเพรา โปะด้วยไข่ดาว แล้ว...ถ่ายรูป เอ๊ย...ไม่ใช่ ทานได้เลยค่า
---------------------------------------------------------
เวลาทำเลี้ยงครอบครัวที ที่ไม่ใช่แค่สองสามีภรรเมีย ก็จะทำทีละเป็นถาดใหญ่ๆแบบนี้ เพราะพวกพี่ๆเขาก็อยากเอาใส่กล่องไปทานที่ทำงานด้วยงัย คุ้มเนอะ เนื้อปอนด์เดียว 2 เหรียญเอง ซอสขวดละไม่เท่าไร ราดข้าวได้ตั้งหลายจาน
---------------------------------------------------------
หมายเหตุ
อันที่จริงแล้ว ร้านน้าที่เขาทำขายอ่ะ เขาก็ทำซอสเองแหละ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสผัดใส่โหลไว้ผัดกินซักกะที อะไรก็ไม่พร้อมงัย แต่คงต้องมีซักวันแหละที่ได้มีโอกาสทำใส่ขวดโหลไว้ หรือกระปุกพลาสติคแช่แข็งไว้เลยก็ได้ น้าเขาบอกมาคร่าวๆอ่ะนะ ตามนี้นะ
---------------------------------------------------------
ซอสผัดกระเพรา
(โหระพาเสียมากกว่าแหละ..แต่ฝรั่งอ่ะเขาไม่มี หรือมีเขาก็ว่าฉุนเกิน คนไทยที่นี่เลยเอาโหระพามาติ๊ต่างเป็นกระเพรา ซึ่งต้นตระกูลมันก็เหมือนกัน แต่คนละสายพันธุ์แค่นั้นเอง กระเพรามีชื่อว่า..holy basil มีความเผ็ดร้อนอยู่ที่ลำคอ อร่อยยยยยเหลือหลาย และโหระพามีชื่อว่า..sweet basil อันนี้ไม่มีความเผ็ดร้อน แต่ความหอมก็หอมเด่นเฉพาะตัว)
++++++++++
พริกแห้งเม็ดใหญ่
กระเทียม
หอมแดง
ใบมะกรูด
ข่า
ตะไคร้
ก้านและใบโหระพาสด
++++++++++
ทั้งหมดปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาผัดกับน้ำมัน เติมเกลือ(เขาว่ากันบูด) พักไว้ให้เย็น ใส่ขวดโหล เก็บไว้ทานได้เลยค่ะ หอมค่ะ ไม่น่าเชื่อ(ดมจากที่ร้านแหละค่ะ อิๆๆ) ยังไม่เคยทำนะคะ จึงบอกปริมาณแต่ละอย่างไม่ถูก ใครอยากลองก็ลองแล้วกันค่ะ ตอนนี้แอนน์ก็ซื้อขวดๆของ"แม่ศรี"ไปพลางๆก่อน ได้โอกาสเมื่อไรก็จะลองผัดเองดู

พอร์คชอพรสหมูปิ้ง


รูปมันก็หลายเดือนแล้ว แต่ว่าความอยากก็ยังอยู่ ขอเอามาลงย้อนหลัง(ยังมีอีกเยอะคับ ) เพราะเมื่อไม่กี่วันได้เอาข้าวผงกระหรี่ขิงมาลง แล้วก็ตอนนั้นได้ใช้กินกับหมูปิ้งไปด้วย(มั่วซะไม่มี)เลยเอามาลงซะให้เสร็จๆไป แม้ว่ารูปร่างจะไม่ใช่ แต่รสชาดใช่เลยนะคะ แต่ในใจแอบคิด ถ้านึ่งข้าวเหนียวแล้วใส่ถุงพลาสติคถุงเล็กๆ มาพร้อมกับหมูปิ้งเสียบไม้เล็กๆ คงจะเป็นสวรรค์บ้านนา(ฝรั่ง)อย่างดีทีเดียว แต่ว่า...มันไม่ใช่บ้านเรา อิๆ มีไรตอนนั้นก็ต้องขัดไปก่อน
ตอนนั้นจำได้เคยดูมาจากหลายสูตร สุดท้าย มั่วไปหมด เอาหลักๆ เพราะแต่ละอันก็ไม่เหมือนกันเลย
--------------------------------------------------
เครื่อง
หมู-จริงๆก็สันในอ่ะนะเขาว่าดีที่สุด แต่ไม่มีอ่ะ มีไรก็ต้องงัดมาใช้ก่อน แก้ขัด ตอนนั้นมีอยู่ 4 ชิ้น
รากผักชี+กระเทียม+พริกไทย-อันนี้มีแต่เม็ดผักชีก็ต้องทำรวมกันไปเอากลิ่นเอา
ซีอิ๊วขาว-เหยาะลงไปพอเคลือบอ่ะนะ กะเอา หลักของตัวเองคือใส่ซีอิ๊วขาวก่อนเครื่องอื่น เพื่อจะได้ดูว่ามันไม่มากไป ให้เอาแบบพอดีซึมเข้าเนื้อหมู ถ้าหากมีน้ำซีอิ๊วขาวไหลออกมาเยอะ แสดงว่าต้องเค็มแน่ๆ อิๆๆ งงป่ะ อ่ะนะ อย่างงเลย สรุปคือ กะเอาแหละ
ซีอิ๊วดำ-อย่าใส่มาก เดี๋ยวดำไป ให้พอเป็นสีน้ำตาลสวยๆก็พอ
น้ำตาลทราย-1 ชต.โดยประมาณ แต่แอบใส่น้ำผึ้งด้วย ชอบหวานหน่อยอ่ะ
น้ำมัน-เขาว่าใส่แล้วนุ่ม ใส่ไปนิดนึง
กะทิ-นิดนึง เขาว่าใส่แล้วนุ่มเหมือนกัน หรือ นม ว่างั้น แต่ใส่กะทิดีกว่า
---------------------------------------------------
เท่าที่จำได้ก็มีแค่นี้นะ หมักไว้ตั้งแต่เช้า ตอนเย็นก็เอาเข้าเตาอบ อบ 325 F ตั้งบนตะแกรง แล้วรองด้วยถาดให้น้ำหมูหยดอีกทีนึง ซักประมาณ 15 นาที ก็มากลับด้าน ระหว่างนั้นทาน้ำหมักที่เหลือด้วย อีก 15 นาที แล้วก็เปิดไฟ broil เผาหน้าหน่อยซักด้านละ 3-5 นาที พอให้ดูเหมือนย่างมา ก็เสร็จแล้ว
อันที่จริงในรูปที่ถ่ายเป็นการอบจริงๆ คืออบปิดฟอล์ย และเคยลองทำแบบย่างเตาอบแบบข้างบน ชอบแบบข้างบนมากกว่าการอบธรรมดา เพราะมันเหมือนย่างมากกว่า การอบปิดฟอล์ยไม่ได้อบบนตะแกรง น้ำเยอะไป รสชาดใช่ แต่มันไม่เยิ้ม ไม่มัน อิๆๆ ถ้าหมูติดมันก็สุดยอดเนอะ

Beef Cashew Nut


จานนี้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจาก อยากกินไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แล้วก็ไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง มีอยู่แค่ เนื้อ ผักบางอย่าง น้ำพริกเผา เลยออกมาเป็นเนื้อผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์แบบตามมีตามเกิดเหมือนเดิมค่ะ
--------------------------------------------------
เครื่อง
เนื้อ-ประมาณ 1 ปอนด์ หั่นเป็นชิ้นๆพอคำไม่บางมาก แล้วหมักเบคกิ้งโซดานิดนึงกับน้ำมันนิดหน่อย
น้ำมัน-แล้วแต่จะใช้ บ้านนี้ชอบคาโนล่า
กระเทียมสดสับหยาบ-ซัก 4-5 กลีบ ชอบกระเทียมมากอ่ะ
น้ำพริกเผา-ประมาณ 2 ชต.
พริกหวาน-สีแดงหรือสีเขียว หรือสีตามชอบหั่นเป็นสี่เหลี่ยมพอคำ
แครอท-หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
พริกแห้ง-ตัดเป็นท่อนๆ(บางทีก็ไม่มี แพงก็ไม่ใส่)
ต้นหอม-หั่นเป็นท่อนๆ
เครื่องปรุงรส-ที่บ้านใช้ น้ำมันหอย ซีอิ๊วภูเขาทองฝาเขียว น้ำตาลนิด
วิธีทำ
1.ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อนใส่กระเทียมพอเหลืองๆหน่อยก็เติมเนื้อลงไปผัด
2.เนื้อเริ่มสุก เติมน้ำพริกเผา คนให้เข้ากัน เติมเครื่องปรุงรสนิดหน่อยก่อน เพราะว่าน้ำพริกเผาแต่ละเจ้าไม่เหมือนกัน บางเจ้าก็ไม่หวาน บางเจ้าก็หวาน และมีรสชาดอยู่แล้ว ถ้าไม่พอค่อยปรุงเพิ่มทีหลัง หลังจากเนื้อสุกดีค่อยชิม
3.เติมแครอทลงไปก่อน สักพักก็ค่อยใส่พริกหวานตามไป ปิดไฟได้เลย และเติมพริกแห้งต้นหอมตามลงไป คนให้เข้ากัน ถ้าเราไม่ปิดไฟ เคยทำแล้วผักมันเละเหี่ยวเกินไป ไม่น่ากินเลย
--------------------------------------------------
แค่นี้ก็ได้ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แบบไกลๆบ้าน หรือแบบอะไรก็ได้ที่เรามีอยู่มาทาน เป็นหนึ่งในอาหารโปรดของครอบครัว
พวกแห้ว เม็ดแป๊ะก๊วย(ใช่ป่าวนะ)...สามีไม่รู้จัก และทานไม่เป็น ไม่ชอบแห้ว ไม่รู้จักแป๊ะก๊วย ก็เลยไม่ได้ใส่ลงไป ตามใจท่านค่ะ อิๆๆ แต่บางครั้งเราก็เอาไก่หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋ามาผัด ก็อร่อยมากๆ หายคิดถึงบ้านไป 5 เปอร์เซ็นต์ ฮ่าๆๆ ถึงจะไม่เหมือนของแท้ๆ แต่ว่าก็ทำให้หายอยากไปหลายวันเหมือนกัน

Aroma Ginger Rice


ก็มั่วจริงๆอย่างที่เขียนไว้ที่รูปเลย คือมีผงกระหรี่อินเดีย ไม่ใช่ของไทยนะ พี่สาวสามีเขาให้มา เพราะเขาใช้ไม่เป็น ไม่รู้จะใช้ยังงัย เรามันก็งก รับหมด แต่ไม่รู้จะทำยังงัย ก็เลยเอามาลองกับข้าวหุงธรรมดา ประมาณข้าวหุงข้าวมันไก่อ่ะ แล้วก็มันก็ต้องนึกถึง"ข้าวหมกไก่"ด้วยใช่ม๊า ถ้ามันเหลืองอ่ะ แต่ก็ไม่ได้อยากทานงัย เลยเอาน่ะ เอาข้าวเหลืองๆเนี่ยแหละทาน
------------------------------------------------
อันที่จริงเคยดูทีวีฝรั่ง น่าจะเป็น Foodnetwork เนี่ยแหละ เขาก็มีชื่อข้าวหุง(ไม่มีผงกระหรี่) ใส่ขิงอะไรแบบเนี๊ยะ จำไม่ได้หรอก แต่จำชื่อได้งัย เลยเอานะ ขอชื่อมาใช้หน่อยแล้วกัน ออกมาเป็นชื่อ"อโรมา จิงเจอร์ ไรซ์" อิๆๆๆ ตั้งเท่ห์ๆไปงั้น แต่จริงๆก็ลูกครึ่งๆข้าวมันไก่ หรือข้าวหมกไก่นั่นแหละ เลยไม่รู้จะเอามาใส่หมวดอาหารอะไรดี ข้าวก็ข้าวของไทยนี่เนอะ
เอาเป็นอาหารไทยแล้วกันน่ามาดูกันว่าใส่อะไร แล้วจะบอกว่า"อ๋อ"เลยล่ะ
--------------------------------------------------
เครื่องปรุง
ข้าว ประมาณ 4-5 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า ก็เท่ากับหุงข้าวทุกครั้งแหละเกลือนิดหน่อย พอให้รสชาด
กระเทียมกลีบผ่าครึ่งสัก 4-5 กลีบ
ขิงหั่นแว่นสัก 4-5 ชิ้น
น้ำมันมะกอก ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ กะๆเอาค่ะพองาม
ผงกระหรี่ 1-2 ช้อนชา(มันไม่ค่อยเหลืองอ่ะ เป็นของอินเดียว่างั้น)
วิธีทำ
ไม่ยากค่ะ ก็เอาทุกอย่างหุงรวมกันเหมือนตอนทำข้าวมันไก่ ไม่ต้องผัดอะไรให้มันยาก ล้างหั่นเสร็จก็หุงตามปรกติเลยค่ะ คนๆให้เข้ากันหน่อย ให้กระเทียม ขิง มันกระจายทั่วพื้นที่ จะได้ทำงานสะดวก หอมมมมมมมงัยคะ
พอข้าวเริ่มสุก เครื่องเริ่มร้อง วี๊ๆๆๆๆ กลิ่นก็มาด้วยค่ะ หอมเชียวแหละ มั่วๆก็อร่อยได้เหมือนกันนะ หม้อเรามันเก่า ของราคาถูกอ่ะ ไม่ใช่อุ่นทิพย์ เราเลยต้องมีทริคหน่อย ตอนข้าวมันสุก มันเด้งแล้วทิ้งไว้ 2-3 นาทีก็ถอดปลั๊กเลย แล้วก็คนๆๆเข้าให้มันร่วนๆอ่ะ ไม่งั้นหม้อเก่าๆอย่างเราทิ้งไว้ในเครื่องก็ข้างล่างก็มีรอยไหม้เป็นสีน้ำตาลค่ะ ถ้าเรายกหม้อออกจากตัวเครื่องเลย แล้วก็เสยข้าว(ภาษาอีสานแถวบ้านหรือปล่าวไม่รู้นะ)หรือฝรั่งเรียกว่า fold อ่ะ รับรองไม่มีรอยสีน้ำตาลเลย ส่วนใครมีหม้อดีๆก็ไม่เห็นต้องกังวลเนอะ เมื่อไรน๊าจะมีตังค์ซื้อหม้อละ 100 ซะที

แกงเขียวหวานไก่


เครื่อง
เครื่องแกงเขียวกระป๋อง 1 กระป๋องเล็ก(แม่ศรี)
กะทิกระป๋อง 1-2 กระป๋อง อันนี้แล้วแต่ชอบอ่ะ
น้ำมันคาโนล่านิดหน่อย
น้ำปลาปรุงรสตามชอบ
น้ำตาลนิดหน่อย
น้ำมันหอย(แอบใส่ไปหน่อยเติมรสอร่อย)บางคนอาจไม่ใส่
เนื้ออกไก่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า(หรืออยากหั่นยังงัยก็แล้วแต่)
peas and carrots แบบแช่แข็งมาแล้ว ง่ายๆ ติ๊ต่างว่าเป็นมะเขือพวงค่ะ เขียวๆเล็กๆอ่ะ ส่วนแครอทสร้างสีสันค่ะ
หน่อไม้ 1 กระป๋องขนาด 15 ออนซ์โดยประมาณ
บวบเหลืองฝรั่ง(yellow squash)หั่นพอคำ รสชาดแทนมะเขือได้ แม้สีจะไม่ให้เท่าไร
ถั่วฝักยาว ตัดเป็นข้อๆตามชอบ
โหระพา พระเอกตัวจริงเสียงจริง ขาดก็เหงาตายค่ะ
วิธีทำ
1.เอาน้ำมันลงหม้อ แล้วก็ตามด้วยเครื่องแกง ผัดให้หอม
2.เติมเนื้อไก่ลงไปผัดให้สุก แล้วตามด้วยกะทิ(แต่บางทีก็เติมกะทิก่อนแบบให้กะทิเดือดๆจนแตกมันแล้วค่อยเติมไก่ แล้วแต่บางทีอ่ะ)แล้วเติมหน่อไม้
3.เดือดแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ตามชอบ(ขอแหวกใส่น้ำมันหอยนิดหน่อยเพื่อความมันในอารมณ์) บางคนไม่ชอบน้ำตาลเขาก็ไม่ใส่ แต่บ้านนี้ชอบค่ะ
4.ตามด้วยถั่วฝักยาว เม็ดถั่วลันเตากับแครอทซึ่งล้างน้ำไว้แล้ว สัก 2-3 นาทีก็เติมบวบฝรั่งได้เลย ปิดไฟเลยไม่งั้นเละไปค่ะ
5.เอาโหระพามาใส่ๆคนๆลงไปเลยค่ะ ตามชอบตามสะดวก
หมายเหตุ
เท่าที่เคยทำมาอ่ะ กะทิมันก็มีหลายแบบ แต่ละแบบก็เลือกใช้ต่างกัน บางชนิดทำไว้เพื่อของหวาน บางชนิดทำไว้เพื่อแกงเผ็ดแบบนี้ แต่หลายๆชนิดก็ไม่ได้บอกว่าเพื่ออะไร อะไรก็ได้ แต่ว่าส่วนใหญ่มันไม่ใช่แบบมันเข้มข้น หรือหัวกะทิอ่ะ ถ้าอยากได้แบบมันๆก็ต้องกะทิแม่พลอยแบบมันเข้มข้น อันนั้นน่ะ น้ำมันออกจากกะทิเงาสวยมาก หอม แต่ถ้าเราใช้แบบอื่น แบบอะไรก็ได้ถูกไว้ก่อนอ่ะ ก็จะไม่ค่อยมันเท่าไร ต้องอาศัยเติมน้ำมันคาโนล่า หรือน้ำมันมะกอกเอาอ่ะ ต้องยอมหน่อยถ้าอยาก"มัน" อิๆๆเท่าที่ชอบของเรากะสามีเนี่ย กะทิ 1 กระป๋อง ต่อ เครื่องแกง 1 กระป๋องค่ะ เพราะสามีทานเผ็ด พอดีเลยค่ะ และขาดไม่ได้คือถั่วฝักยาว สามีบอกเข้ากันดี๊ดีกับแกงเขียวหวานแหละ
แม้จะไม่ถูกต้องตามหลักอาหารไทยแบบออริจินัลนัก แต่ก็อยู่ไกลๆบ้านแบบนี้ หายอยากได้สบายเลยค่ะ สามีไม่ชอบไปที่อื่นเลยแหละ อาหารไทยเนี่ยยึดสามีไว้กับเราเลย อิๆๆ อิ่มอร่อยกันถ้วนหน้า