ถั่วต้มน้ำตาล


ลองทำดูแล้วมันอร่อยก็เลยทำอีกเป็นหม้อ ยังไม่ทันเบื่อ เลยเอามาให้ชื่นชมเสียก่อน หน้าตามันอาจดูเฉยๆนะคะ แต่ว่าอร่อยค่ะ จะเอาไปกินกับไอติม(ต้มให้ข้นกว่านี้)หรือจะกินกับของหวานชนิดไหน หรือบัวลอยญีปุ่น(dango) ราดน้ำแข็ง แต่ที่ชอบสุดๆนะคะ ชอบใส่ผสมกับนม อร่อยดีค่ะ
เครื่อง
ถั่วเขียวดิบ ตามชอบ
ถั่วแดงญี่ปุ่น ตามชอบ(ไม่มีก็ไม่ใส่..แต่มีเลยใส่)
เกลือนิด
น้ำตาลหน่อย
น้ำตาลเทียม Splenda
วิธีทำ
เอาแบบลัดๆเลยนะ เพราะว่าไม่ได้แช่ แต่ต้มไปเลย ไม่ได้ห่วงสวย เพราะหิวอ่ะค่ะ ฮ่าๆๆ ล้างอย่างดี คัดเมล็ดเสียๆออกไปทิ้ง ก่อนจะล้างน้ำนะคะ แล้วก็เอามาต้มใส่หม้อ ให้น้ำท่วมเมล็ดซัก 3 เท่าเลยแหละ แต่ให้แยกต้มนะคะ ต้มถั่วแดงก่อน เพราะถั่วแดงญี่ปุ่นสุกยากกว่าถั่วเขียวไทยเรา
ต้มไปเรื่อยๆจนถั่วแดงเริ่มสุกแต่ไม่สุกดี คือยังแข็งอยู่บ้างนิดหน่อย ก็เติมถั่วเขียว(ถ้าต้มแยกก็คงง่ายกว่ามั๊ง แต่นี่มักง่ายอ่ะ เปลืองหลายทีเลยต้มแบบนี้) แล้วก็ต้มจนเกือบสุก ก็เติมเกลือ น้ำตาลเทียมสเปลนด้า และน้ำตาลจริงๆ เพื่อให้รสชาดเหมือนจริงหน่อย ยังงัยน้ำตาลจริงก็อร่อยกว่า แต่เพื่อระมัดระวังเรื่องน้ำตาลก็คงต้องใช้ของเทียมเข้าช่วยอ่ะเนอะ ไม่งั้นบานกว่านี้แน่เลย ฮ่าๆๆ
ชิมได้รสที่พอใจ ต้มไปสักพัก ชอบแบบไหน คงเมล็ดสวยๆก็ทำไป แต่ที่ต้มนานหน่อย เละหน่อย เพราะว่าไปดัดฟันมา เจ็บปวดรวดร้าวมากมาย เคี้ยวไม่ได้เลยต้องให้มันเละหน่อย จะได้ไม่ต้องเคี้ยว อีกอย่างนะที่ลดน้ำตาลเพราะว่ามันไม่ดีสำหรับการดัดฟันอ่ะ เดี๋ยวมันไปเกาะเดี๋ยวฟันผุ อิๆๆ เด็กดี เชื่อหมออ่ะ
เป็นงัยล่ะเมนูสุดมั่ว แต่ก็อร่อยได้ เพื่อสุขภาพ เวลาชงกับนมหรือน้ำเต้าหู้นะ อร่อยมากที่สุดเลยแหละ
แล้ววันหลังจะมีเมนูมั่วๆมาให้ดูอีก อิๆๆ เพื่อความบันเทิง เปลี่ยนอารมณ์อ่ะนะ อย่าคิดมากว่าจะต้องตามสูตร เป็นเหมือนของจริงตลอดไป แค่เอามาแบ่งปันไอเดียกันสนุก ไม่น่าเบื่อ เอนจอยอีตติ้งกันทุกๆคนค่ะ

Candied Jalapenos with Creamcheese and Crackers


อันนี้เป็นของเก่าเอามาเล่าใหม่ค่ะ พอดีนึกขึ้นได้เมื่อเวบคุณเฮียแมว แห่ง wasusin.com เขามีกิจกรรมทำอาหารจากครีมชีสเลยขุดเอาภาพเก่ามาเล่าเรื่องใหม่ แต่มีกินจริงๆได้ทุกวัน เพราะทำใส่กระปุกไว้ในตู้เย็น เก็บไว้กินตลอดชาติ ฮ่าๆๆ
อยากจะบอกว่าจริงๆแล้วลืมวิธีทำไปแล้วอ่ะ เพราะว่าไม่ได้จดไว้ จะถามแม่ย่าก็ไม่ได้ เพราะท่านเพิ่งจะเสียไปไม่นาน เวรกรรม เคยมีบทสนทนากับกิ๊ฟ-แมวอ้วน ก็นานตั้งแต่ชาติที่แล้ว เลยคราวนี้ต้องมาระลึกชาติกัน ผิดๆถูกๆ แต่ได้ไปดูในเวบฝรั่ง เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้มีมากขึ้น และแล้วเลยได้เวลามาขอเสนอ เมนู"ครีมชีส"ด้วยคนค่ะ ซึ่ง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับครีมชีสใช่ไม๊คะ ฮ่าๆๆ หยวนๆนะคะ
ส่วนความอร่อย อันนี้กิ๊ฟ-แมวอ้วน แม่บ้านสมองไว การันตีไว้เมื่อชาติที่แล้วเช่นกันค่ะ ถึงกับสั่งพริกข้ามประเทศกันเลยทีเดียว เอิ๊กๆๆๆ ป่านนี้พริกออกลูกออกหลานจนเจ้ากิ๊ฟกินไม่ไหวแล้วมังคะ
เครื่องปรุง(กะเอาเอง)
พริกฮาลาพีโน่หั่นแว่นกลมๆไม่บางมาก จำนวนพอประมาณตามชอบคับท่าน หรือ 1 ถต.
น้ำตาล ประมาณ 1/2 ถต.
เกลือนิดหน่อย(หวานอย่างเดียวจะไปอร่อยอะไรคะ)
น้ำส้มสายชูนิดนึงผสมน้ำได้ 1/4 ถต.
วิธีทำ
ที่จำได้ ตอนที่แม่ย่าทำให้ดู เขาแค่เอาเครื่องผสมทั้งหมดมาใส่ในขวดโหลใบเล็กๆ แล้วก็ใส่ถุงมัดปากทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องราวๆอาทิตย์หนึ่ง เวลาเดินผ่านครัว มาทำอะไรก็คว่ำขวดโหลลง เดินไปไหน กลับมาอีกทีก็มาหงายกลับขึ้น ทำไปทำมาจนชิน ครบอาทิตย์ก็เอาไปใส่ตู้เย็นได้เลย น้ำตาลละลายหมดพอดี ไว้อีกหลายวันเอาออกมาชิม ได้ที่แล้วก็เอามาราดบนครีมชีส เสิร์ฟพร้อมกับแครกเกอร์คู่ลิ้น ทั้งหวาน มัน เผ็ด กลมกล่อม เวลาตัก เอามีดตัดชีสตามด้วยพริกซักคำปาดลงบนแครกเกอร์ แล้วก็ อ้ำ.....
แต่ก็เคยคิดจะทำแบบลัดๆคือต้มเหมือนน้ำเชื่อมให้เย็น แล้วก็ค่อยเอาพริกสดตัดมาใส่ในโหลคงจะเร็วกว่า ทิ้งไว้นานๆเข้าเนื้อก็เป็นแคนดี้หวานๆแล้วอ่ะ แต่ว่าก็ไม่ได้มีโอกาสลอง เพราะว่าที่ทำไว้ยังเหลือมาถึงทุกวันนี้ เพราะกินคนเดียว กลัวอ้วนนนนนกว่านี้
หมายเหตุ
(บางสูตรมีการเติมสีเขียวผสมอาหารลงไปเพื่อความสวยงามด้วย บางสูตรมีการต้มของเหลวกับพริกด้วย แต่สูตรของแม่ย่าเนี่ย เข้าใจว่าเพื่อความกรอบ เลยไม่มีการต้มแต่อย่างใด)

15 Bean Soup



ก่อนจะมาเป็นซุปชนิดนี้ เกิดจากการเป็น"นางสาวสุขภาพ"มาก่อนค่ะ คืออ่านนู่นนี่ก็เลยสรรหาของที่คิดว่าเป็นประโยชน์มาทาน เขาบอกว่าถั่วดี เป็นแป้งชนิดดี มีโปรตีนเยอะ ไฟเบอร์ก็แยะ ไกลซีมิคไม่สูง น้ำมันจากเขาก็เป็นน้ำมันชนิดดี เป็นชนิดอิ่มตัว แล้วพอไปตลาดไปเจอเจ้าถุงนี่ก็เลยซื้อมาลองเขาบอกว่า 15 ชนิด ยี่ห้อ Hurst's HamBeens Brand เลยซื้อมาลองตามตำราเขาเสียหน่อย เอามานั่งนับดูว่ามันจะครบ 15 หรือ จะเกิน 15 ฮ่าๆๆ ตลกตัวเอง สนุกๆอ่ะ สงสัยจะว่างจัด หาแทบตาย ได้มาครบ 15 แต่ไม่มีเฉลยมาให้ว่า ถูกต้องหรือปล่าว เอิ๊กๆๆๆ

มาดูกันว่ามีถั่วอะไรบ้าง ข้างถุงบอกว่า....
northern
pinto
large lima
blackeye
garbanzo
baby lima
green split pea
kidney
cranberry beans
mall white
pink bean
small red
yellow split pea
lentil
navy
white kidney
black bean
yellowpearl barley

ไหง มี 19 อย่างอ่ะ สงสัยว่า บางชนิด เช่น ไลม่าบีนเนี่ย มันมี 2 ไซส์ งัย อ่ะนะ แต่เท่าที่เรียบเรียงรูป รู้แล้ว ไม่ถูก อิๆ แต่หยวนๆ




ว่าแล้วก็มาลองตามตำราที่เขาให้มาดู เป็นดังนี้ค่ะ

เครื่องปรุง

1 lb. of ham, ham hock, or smoked sausage (แฮม หรือไส้กรอกรมควัน)
1 cup onion, chopped (หอมหัวใหญ่ สับหยาบ)
1 15 oz.can stewed of diced tomatoes (มะเขือเทศหั่นแบบกระป๋องทั้งกระป๋อง แอนน์ไม่มี ก็เอาซัลซ่ามาใส่แทน เผ็ดเลยยยย แต่อร่อย)
1 tsp chili powder(พริกป่นแบบเม็กซิกัน หรือของฝรั่ง ไม่ค่อยเผ็ดอ่ะ)
Juice of 1 lemon(น้ำมะนาวบีบทั้งลูก เอาเม็ดออกด้วยนะอย่าลืม)
1-2 cloves garlic, minced(กระเทียมสับ 2 กลีบ)

วิธีทำ

1.คัดเลือกเมล็ดถั่วที่ไม่ดี หรืออาจจะมีหินติดมาด้วย คัดออกทิ้งค่ะ
2.แล้วก็ล้าง แช่น้ำค้างคืน อย่างน้อย 8 ชม.
3.ได้แล้วเอามาล้างออกอีกนิด เทน้ำทิ้ง แล้วเติมน้ำใหม่ประมาณ 2 ควอท(เดาๆเอาแหละค่ะ พอเกินถั่วขึ้นไปซัก 2 นิ้วก็ได้มัง แล้วก็ต้มพร้อมกับแฮมหรือไส้กรอกรมควัน
4.ต้มจนเดือด แล้วก็ผ่อนไฟลงอ่อนถึงปานกลาง ไม่ปิดฝาหม้อซัก 2 ชม.ครึ่ง
5.ถั่วได้ที่แล้วก็เติมหอมหัวใหญ่ มะเขือเทศกระป๋องหั่น พริกป่น น้ำมะนาว และกระเทียม ต้มไฟอ่อนไปอีก 30 นาที
6.ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย (ถ้าเขามีผงปรุงรสแฮมมาก็ใส่ลงไปด้วย)แล้วชิมตามที่ชอบ

หมายเหตุ

ถ้าหากไม่อยากแช่ถั่วก็สามารถทำได้ โดยการคัดเมล็ดเหมือนเดิม และก็ล้างให้สะอาด เอามาต้มเลย ต้มเป็นชั่วโมงเลย และน้ำที่เติมสำหรับต้มก็มากกว่าเดิมหน่อยอีกครึ่งเท่า แล้วค่อยต้มพร้อมไส้กรอก เครื่องปรุงต่างๆ ต้องตักถั่วออกมาชิมอ่ะค่ะ ถึงจะรู้ แต่ของตัวเองต้มนานจนเละ เพราะว่าช่วงนี้ใส่เหล็กดัดฟัน มันปวดฟัน ต้องทานเละๆ เลยต้มซะ 3 ชม.เลยออกมาก็อร่อยถูกใจดีหรอกค่ะ แต่ว่าไม่ชอบสโมคไส้กรอกอ่ะ ถ้าจะให้ดีลอกหนังออกดีกว่า แต่ถ้าจะให้ดี เป็นเนื้อไก่คงจะอร่อย แต่ต้องใส่ไส้กรอกดึงรสชาดไส้กรอกออกมาที่ซุปก็จะดี แต่จะให้ดีอย่าทำทั้งหมด ทำแค่ครึ่งหนึ่งจะดีกว่า ไม่งั้นไม่มีคนทานช่วย เพราะมันเยอะ ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวเห็นเยอะๆกลายเป็นไม่อร่อย แต่ความจริงมันอร่อยอ่ะนะ เลยทีนี้ต้องใส่ฟรีซเซอร์ไว้ทานวันหลังเอาอ่ะ

นี่แหละที่มาของ"ซุปถั่วฝรั่ง 15 ชนิด" ซึ่งมีประโยชน์ดีมากๆ แต่ก็ทานเยอะก็ต้องระวังเหมือนกัน






Honey Mustard Chicken



เครื่องมีดังนี้ค่ะ

ไก่อก(ไม่หนัง) 6 ชิ้น
whole grain mustard 2 tsp หรือมัสตาร์ดธรรมดาก็ได้
honey 4 tsp
red wine vinaigrette dressing 2 tbs
เกลือ พริกไทย .. ตามชอบ

วิธีทำ

ละลายรวมกันค่ะ ตั้งเตาสักนิดพอละลายก็ได้ค่ะ ทางที่ดีชิมก่อนก็ดีค่ะ เดี๋ยวเค็มไป ชอบรสไหนก็ปรับแต่งเอง เพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกันค่ะ แล้วก็ราดไปบนไก่ที่เราล้างสะอาดแล้ว แล้ววางบนถาด แล้วก็เอาส้อมจิ้มๆๆไก่ ให้น้ำหมักซึมเข้าไปทั่วๆหมักไว้อย่างต่ำ 3 ชม.หรือค้างคืน ไม่ชั่วคราว เด็ดสุดค่ะขอบอกแล้วพอหมักได้ที่ ก็เอาไปย่างได้เลยค่ะ แล้วก็....ทานได้เลย ทานกับข้าวโพดของชอบของเรา เราชอบที่สุดเลย แล้วก็ถั่วฝักยาว หรือบล๊อคโคลี่ แครอท สลัด จ๊ากๆๆๆ อร่อยสุดค่า(ของเรานะ)

เคล็ดลับ

การที่เราใช้มัสตาร์ด ถ้าเราใช้ที่มีเม็ดมัสตาร์ดด้วย ทำให้เราจินตนาการไปถึงว่าเราได้ทานเม็ดพริกไทยอ่อนด้วยแน่ะ ทำให้หายคิดถึงเมืองไทยไปได้บ้างนะคะ อันนี้คิดเองค่ะ ไม่เกี่ยวกับใคร บางทีคนอื่นอาจคิดไม่เหมือนกันอ่ะค่ะ

ครีมข้าวโพด Cream Style Corn

เมนูนี้เป็นเมนูที่ทานกับอาหารคาวค่ะ เช่นพวกสเต๊ก พอร์คชอพ ไก่อบ ฯลฯ ได้ทุกอย่างค่ะ แล้วยังเป็นของหวานได้ด้วยนะคะ



เครื่องมีดังนี้ค่ะ

1. ข้าวโพดค่ะ จะซื้อมาเป็นกระป๋อง(whole kernel)ก็ได้ค่ะ หรือซื้อมาสดๆก็ต้มแล้วก็ฝานค่ะ 2 กระป๋องหรือสัก 4-5 ฝักได้ค่ะ ถ้าเป็นกระป๋องเก็บน้ำข้าวโพดไว้ด้วยค่ะสัก 1 ถ้วยตวงโดยประมาณ ถ้าใช้สดๆก็เติมนมแทนน้ำข้าวโพดค่ะ
2.เนย(เป็นก้อน)หรือมาการีน(เนยกระป๋องทั่วไป)สัก 2 ช้อนกินข้าวนี่ล่ะ แล้วแต่ชอบ ผอมๆก็ใส่ไปเยอะๆอร่อยดี
3.แป้ง all-purpose หรือแป้งมันก็ได้ค่ะ สัก 1 ช้อนทานข้าวนั่นแหละค่ะ
4.น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
5.พริกไทย 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1.เอาเนยตั้งกระทะและใส่แป้งลงไปด้วย จนเนยละลายและเข้ากับแป้งดีแล้วก็เทข้าวโพดกระป๋องลงไป แยกน้ำข้าวโพดไว้ก่อนนะคะ
2.คนให้เข้ากันแล้วก็เติมน้ำข้าวโพด หรือ นม ลงไป แล้วเติมน้ำตาล กับ พริกไทยลงไปค่ะ คนไปเรื่อยๆสักประมาณ 10-15 นาทีด้วยไฟอ่อนถึงปานกลางค่ะ แล้วก็ยกลงเตรียมทานได้เลย

**แต่ที่บ้านนี้ชอบกินใส่พริกหวานหั่นเต๋า กับหอมหัวใหญ่หั่นเต๋าด้วยค่ะ ก็อร่อยไปอีกแบบ
**ถ้าหากเราอยากทำทานกับไอติม ราดไอติม ก็ไม่ใส่พริกไทยนะคะ เคยทานที่ร้านกาแฟ black canyon ที่เมืองไทยอ่ะ เสิร์ฟกับไอติมวนิลาหรือกาแฟ แล้วเอาครีมข้าวโพดราดลงไป ก็อร่อยดีเหมือนกันค่ะ



แอนน์ชอบข้าวโพด แล้วแบบนี้มันทานง่ายงัย ไฟเบอร์ก็เยอะ กินแทนข้าวเลย อิๆๆ ชอบจัด

Aroma Ginger Rice



ก็มั่วจริงๆอย่างที่เขียนไว้ที่รูปเลย คือมีผงกระหรี่อินเดีย ไม่ใช่ของไทยนะ พี่สาวสามีเขาให้มา เพราะเขาใช้ไม่เป็น ไม่รู้จะใช้ยังงัย เรามันก็งก รับหมด แต่ไม่รู้จะทำยังงัย ก็เลยเอามาลองกับข้าวหุงธรรมดา ประมาณข้าวหุงข้าวมันไก่อ่ะ แล้วก็มันก็ต้องนึกถึง"ข้าวหมกไก่"ด้วยใช่ม๊า ถ้ามันเหลืองอ่ะ แต่ก็ไม่ได้อยากทานงัย เลยเอาน่ะ เอาข้าวเหลืองๆเนี่ยแหละทาน

อันที่จริงเคยดูทีวีฝรั่ง น่าจะเป็น Foodnetwork เนี่ยแหละ เขาก็มีชื่อข้าวหุง(ไม่มีผงกระหรี่) ใส่ขิงอะไรแบบเนี๊ยะ จำไม่ได้หรอก แต่จำชื่อได้งัย เลยเอานะ ขอชื่อมาใช้หน่อยแล้วกัน ออกมาเป็นชื่อ"อโรมา จิงเจอร์ ไรซ์" อิๆๆๆ ตั้งเท่ห์ๆไปงั้น แต่จริงๆก็ลูกครึ่งๆข้าวมันไก่ หรือข้าวหมกไก่นั่นแหละ เลยไม่รู้จะเอามาใส่หมวดอาหารอะไรดี ข้าวก็ข้าวของไทยนี่เนอะ เอาเป็นอาหารไทยแล้วกันน่า

มาดูกันว่าใส่อะไร แล้วจะบอกว่า"อ๋อ"เลยล่ะ

เครื่องปรุง

ข้าว ประมาณ 4-5 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า ก็เท่ากับหุงข้าวทุกครั้งแหละ
เกลือนิดหน่อย พอให้รสชาด
กระเทียมกลีบผ่าครึ่งสัก 4-5 กลีบ
ขิงหั่นแว่นสัก 4-5 ชิ้น
น้ำมันมะกอก ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ กะๆเอาค่ะพองาม
ผงกระหรี่ 1-2 ช้อนชา(มันไม่ค่อยเหลืองอ่ะ เป็นของอินเดียว่างั้น)

วิธีทำ

ไม่ยากค่ะ ก็เอาทุกอย่างหุงรวมกันเหมือนตอนทำข้าวมันไก่ ไม่ต้องผัดอะไรให้มันยาก ล้างหั่นเสร็จก็หุงตามปรกติเลยค่ะ คนๆให้เข้ากันหน่อย ให้กระเทียม ขิง มันกระจายทั่วพื้นที่ จะได้ทำงานสะดวก หอมมมมมมมงัยคะ

พอข้าวเริ่มสุก เครื่องเริ่มร้อง วี๊ๆๆๆๆ กลิ่นก็มาด้วยค่ะ หอมเชียวแหละ มั่วๆก็อร่อยได้เหมือนกันนะ หม้อเรามันเก่า ของราคาถูกอ่ะ ไม่ใช่อุ่นทิพย์ เราเลยต้องมีทริคหน่อย ตอนข้าวมันสุก มันเด้งแล้วทิ้งไว้ 2-3 นาทีก็ถอดปลั๊กเลย แล้วก็คนๆๆเข้าให้มันร่วนๆอ่ะ ไม่งั้นหม้อเก่าๆอย่างเราทิ้งไว้ในเครื่องก็ข้างล่างก็มีรอยไหม้เป็นสีน้ำตาลค่ะ ถ้าเรายกหม้อออกจากตัวเครื่องเลย แล้วก็เสยข้าว(ภาษาอีสานแถวบ้านหรือปล่าวไม่รู้นะ)หรือฝรั่งเรียกว่า fold อ่ะ รับรองไม่มีรอยสีน้ำตาลเลย ส่วนใครมีหม้อดีๆก็ไม่เห็นต้องกังวลเนอะ เมื่อไรน๊าจะมีตังค์ซื้อหม้อละ 100 ซะที

แกงเขียวหวานไก่



ถึงคิวของแกงเขียวหวานไก่แล้ววว อันที่จริงก็คงเหมือนคนอื่นทั่วไป แต่ก็อยากเอามาโชว์มั่ง หม้อนี้ทำไปเลี้ยง"แฟมมิลี่รียูเนี่ยน"หรือวันที่ญาติๆมาเจอกัน พาลูกหลานมาเจอกัน ทำอาหารไปรวมกัน กินด้วยกัน คุยกัน ถามทุกข์สุขกัน อะไรประมาณนี้ แล้วเราก็ทำแกงเขียวหวานไปค่ะ พูดถึงก็ตามมีตามเกิด ตามประสาคนอยู่ไกลบ้าน มีอะไรก็ใส่ไป มาดูกันว่าวันนั้นแอนน์ได้ใส่อะไรไปบ้าง อันที่จริงอยากอวดว่าโหระพางามมาก เลยใส่ซะสะใจ หอมมากมาย เพราะโหระพาบินมาไกลจากรัฐเมน ถึงรัฐเท็กซัสเลยทีเดียว เพราะว่าเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ได้บินไปหาน้าที่รัฐเมน ไปช่วยงานร้านอาหารและก็เลยขอก้านโหระพาเขาบินกลับมาด้วย ยัดใส่กระเป๋าเดินทางมา เอามาเสียบใส่ดิน รดน้ำเขา เขาชอบแดดๆหน่อยก็เอาไปกลางแดดเลย โตงาม



ตอนนี้ก็มาดูกันว่าตามมีตามเกิดแบบไหนบ้าง

เครื่องเครื่องแกงเขียวกระป๋อง 1 กระป๋องเล็ก(แม่ศรี)
กะทิกระป๋อง 1-2 กระป๋อง อันนี้แล้วแต่ชอบอ่ะ
น้ำมันคาโนล่านิดหน่อย
น้ำปลาปรุงรสตามชอบ
น้ำตาลนิดหน่อย
น้ำมันหอย(แอบใส่ไปหน่อยเติมรสอร่อย)บางคนอาจไม่ใส่
เนื้ออกไก่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า(หรืออยากหั่นยังงัยก็แล้วแต่)
peas and carrots แบบแช่แข็งมาแล้ว ง่ายๆ ติ๊ต่างว่าเป็นมะเขือพวงค่ะ เขียวๆเล็กๆอ่ะ ส่วนแครอทสร้างสีสันค่ะ
หน่อไม้ 1 กระป๋องขนาด 15 ออนซ์โดยประมาณ
บวบเหลืองฝรั่ง(yellow squash)หั่นพอคำ รสชาดแทนมะเขือได้ แม้สีจะไม่ให้เท่าไร
ถั่วฝักยาว ตัดเป็นข้อๆตามชอบ
โหระพา พระเอกตัวจริงเสียงจริง ขาดก็เหงาตายค่ะ

วิธีทำ

1.เอาน้ำมันลงหม้อ แล้วก็ตามด้วยเครื่องแกง ผัดให้หอม
2.เติมเนื้อไก่ลงไปผัดให้สุก แล้วตามด้วยกะทิ(แต่บางทีก็เติมกะทิก่อนแบบให้กะทิเดือดๆจนแตกมันแล้วค่อยเติมไก่ แล้วแต่บางทีอ่ะ)แล้วเติมหน่อไม้
3.เดือดแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ตามชอบ(ขอแหวกใส่น้ำมันหอยนิดหน่อยเพื่อความมันในอารมณ์) บางคนไม่ชอบน้ำตาลเขาก็ไม่ใส่ แต่บ้านนี้ชอบค่ะ
4.ตามด้วยถั่วฝักยาว เม็ดถั่วลันเตากับแครอทซึ่งล้างน้ำไว้แล้ว สัก 2-3 นาทีก็เติมบวบฝรั่งได้เลย ปิดไฟเลยไม่งั้นเละไปค่ะ
5.เอาโหระพามาใส่ๆคนๆลงไปเลยค่ะ ตามชอบตามสะดวก

หมายเหตุ

เท่าที่เคยทำมาอ่ะ กะทิมันก็มีหลายแบบ แต่ละแบบก็เลือกใช้ต่างกัน บางชนิดทำไว้เพื่อของหวาน บางชนิดทำไว้เพื่อแกงเผ็ดแบบนี้ แต่หลายๆชนิดก็ไม่ได้บอกว่าเพื่ออะไร อะไรก็ได้ แต่ว่าส่วนใหญ่มันไม่ใช่แบบมันเข้มข้น หรือหัวกะทิอ่ะ ถ้าอยากได้แบบมันๆก็ต้องกะทิแม่พลอยแบบมันเข้มข้น อันนั้นน่ะ น้ำมันออกจากกะทิเงาสวยมาก หอม แต่ถ้าเราใช้แบบอื่น แบบอะไรก็ได้ถูกไว้ก่อนอ่ะ ก็จะไม่ค่อยมันเท่าไร ต้องอาศัยเติมน้ำมันคาโนล่า หรือน้ำมันมะกอกเอาอ่ะ ต้องยอมหน่อยถ้าอยาก"มัน" อิๆๆเท่าที่ชอบของเรากะสามีเนี่ย กะทิ 1 กระป๋อง ต่อ เครื่องแกง 1 กระป๋องค่ะ เพราะสามีทานเผ็ด พอดีเลยค่ะ และขาดไม่ได้คือถั่วฝักยาว สามีบอกเข้ากันดี๊ดีกับแกงเขียวหวานแหละแม้จะไม่ถูกต้องตามหลักอาหารไทยแบบออริจินัลนัก แต่ก็อยู่ไกลๆบ้านแบบนี้ หายอยากได้สบายเลยค่ะ สามีไม่ชอบไปที่อื่นเลยแหละ อาหารไทยเนี่ยยึดสามีไว้กับเราเลย อิๆๆ อิ่มอร่อยกันถ้วนหน้า

เกาเหลาเนื้อเปื่อย



ถ้วยนี้ทำเป็นเกาเหลา เพราะบ้านเราตอนเย็นไม่เน้นแป้ง เลยต้องเป็นเกาเหลา



แอบใส่หมูยอลงไปด้วยอ่ะ พอดีลูกชิ้นหมด เลยเอาหมูยอมาแทน อืม..อร่อยไม่หยอกเลยเนอะ ขนาดใช้เนื้อกวางนะเนี่ย เนื้อกวางนุ่มเชียวของเราแบบตามตู้เย็นมีค่ะ คือว่าผักติดบ้านปรกติมีอะไรก็ใส่อันนั้น และก็ไม่ชอบใช้คนอร์ถ้าไม่จำเป็น ถ้ามีเวลาปรุงเองดีกว่า อร่อยธรรมชาติกว่าอ่ะค่ะ และรอบนี้ไม่ได้ซื้อเนื้อมาหรอกค่ะ เพราะว่าต้องการจัดการกับเนื้อกวางที่ล่ามาจากปลายปีที่แล้วมา ก็เอามาดัดแปลงเป็นอาหารไทยเอา ถ้าทิ้งไว้นานก็เสียดายเนื้อกวาง เพราะว่า"แพง" อิๆ
เครื่องมีดังนี้
1.น้ำเป็นหม้อเลย สำหรับตุ๋นเนื้อเลย
2.โป๊ยกั๊ก 2-3 ดอก
3.แครอทปอกเปลือกใช้แบบเป็นหัวยาวๆนะคะ ไม่ใช่เบบี้ แต่ไม่มีก็เบบี้ก็ได้ ใส่ทั้งหัวเลย
3.หอมหัวใหญ่ 1 หัว
4.ก้นเซลารี่ล้างดีๆ หรือไม่มีก็ใส่ก้านนั่นแหละทั้งก้าน
5.เกลือนิดหน่อย
6.ซีอิ๊วขาว(อันนี้ใส่นิดนึงก่อนตุ๋น..พอเนื้อที่ทำสุกแล้วค่อยเพิ่มแล้วชิม)
7.ซอสถั่วเหลืองฝาเขียวนิดหน่อย
8.กระเทียม 2-3 กลีบ
9.เนื้อติดกระดูก (ส่วนใหญ่เวลาถ้าซื้อเนื้ออะไรมาถ้ามีกระดูก ก็จะแล่ๆเอากระดูกไว้ทำน้ำซุปเสมอค่ะ ชอบทำน้ำซุปติดบ้านไว้ใส่ช่องแข็งก็ได้) แต่วันนี้มีขากวางค่ะ เพราะสามีบ่นเวลาอบแบบฝรั่ง กลิ่นมันไม่ชวนทาน เลยคิดเอามาดัดแปลงทำเป็นไทยๆดีกว่า ดูซิสามีจะว่ายังงัย
10.ขิง สักเท่านิ้วเรานี่ล่ะ
11. ผงพะโล้วหรือ ซินนาม่อนก็ได้แล้วแต่จะมี หรือ five spices , allspices ก็ได้ ใส่เป็นช้อนพูนๆเลยล่ะ
ที่เราทำกินกันมีแค่นี้แต่ก็อร่อยค่ะ น้ำจะหวานจากผักกับกระดูกออกมา โดยไม่ต้องใช้คนอร์เลยค่ะ แต่ไม่ต้มไฟแรงนะ ต้มไฟกลาง พอตอนเนื้อสุกก็ค่อยเพิ่มซีอิ๊วขาวหน่อยหรือปรุงเพิ่มตามชอบ เพราะแต่ละลิ้นชอบต่างกันอ่ะ แล้วเราก็ต้มจนกลายเป็นเนื้อเปื่อยเลยค่ะ แอนน์ต้มทีเป็นครึ่งวันเลย หลังจากสุกอ่ะให้ลดไปลงต่ำสุด แล้วปล่อยเขาไปเรื่อยๆปิดฝา แล้วไปทำงานอื่น กลับมาก็ค่อยมาชิมอีก แซ่บหลายเด้อ คราวนี้ก็เอาไปทำก๋วยเตี๋ยวตามชอบเลยค่ะ ไม่รู้คนอื่นจะชอบเหมือนกันป่าว นี่ถ้ามีใบเตยเราก็จะมัดลงไปด้วย ยิ่งเพิ่มความหอมเหมือนความคิดเห็นอื่นอ่ะค่ะ แต่ไม่มีอ่ะ และผักก็ทั้งหลายอ่ะนะ น้าเราเขาทำร้านอาหารอยุ่อ่ะค่ะ เราเห็นทุกเช้าเขาต้มเป็นหม้อยักษ์มากเลย เพราะน้ำซุปเอาไปทำได้ทุกอย่างในร้านอ่ะค่ะ แค่ซุปผักที่ขายธรรมดาคนยังติดกันตรึม แต่เขาใส่น้ำตาลกรวดนิดนึง แต่เราไม่ชอบค่ะ เราชอบหวานจากผักก็โอเคแล้วอ่ะค่ะ ใครสะดวกแบบไหนก็เอาแบบนั้นนะคะ แล้วแต่ความชอบส่วนตัวแล้วกันค่ะ
ที่เราทำนี้ก็เป็นอีกความมั่วหนึ่งแต่ออกมาอร่อยก็แค่นั้นเอง สามีเนี่ยบอก 2 thumbs up เลยนะคะ เอามาจัดแต่งปรุงเป็นเกาเหลาให้เขา ลืมรสชาดเก่าๆแบบฝรั่งได้เลย อ้อ..เวลาเราทำไว้นะ ไม่ชอบมันเยอะๆใช่ป่ะ เราก็แช่ตู้เย็นเมื่อเขาเย็นดีแล้วอ่ะ แช่ไว้พอวันรุ่งขึ้นนะ(คือทำล่วงหน้าวันนึงงัยวันต่อมาค่อยกิน)ก็ตักเอามันข้างหน้าออก เพราะมันจะแข็งตัวอยู่ข้างบนเลยค่ะ ก่อนแช่ก็ตักเอากระดูก แงะเอากระดูกทิ้งซะก่อน ทุ่นเวลา ผักตัวไหนเปื่อยแล้วอยากทิ้งก็ทิ้งไปเลย แต่เราเก็บแครอทนะเพราะชอบกิน นอกนั้นก็ตักทิ้งไป
เครื่องอื่นๆที่เอามาทำเป็นเกาเหลาก็มี
ถั่วงอก
ผักชี
หอมซอย
พริกป่น หรือพริกดองน้ำส้มก็ตามมีตามเกิดอีกอ่ะ ขี้เกียจออกไปซื้อ มีไรก็กินอันนั้น
เสร็จแล้วก็สังสรรค์กันตามประสานะคะ

ข้าวต้มอนามัย



เครื่องที่เราใส่ในวันนั้นนะก็มี

ข้าวกล้อง.....1-2 กำมือเองค่ะ คัดแกลบออก ล้างให้สะอาด
น้ำเปล่า........ สำหรับต้มข้าวค่ะ ค่อยเติมไปเรื่อยๆเอาแล้วกัน กะเอา แล้วแต่ชอบมากน้อย ของเราเราใช้น้ำซุปที่เคยต้มไก่หรือกระดูกหมูไว้อ่ะ เราเก็บใส่ช่องแช่แข็งไว้อ่ะ ก็เอาออกมาใช้ค่ะ
เกลือ...........นิดหน่อย ใส่หลังจากต้มข้าวไปนิดนึงแล้วอ่ะ หรือถ้าน้ำซุปได้ใส่เกลือไปแล้วก็อย่าเพิ่งเติมเกลือ
หอมหัวใหญ่..หั่นเต๋า
celery.........หั่นเต๋า
ซีอิ๊วขาว.......ปรุงรสตามชอบ บางคนจะใช้คนอร์ก้อนก็ได้ แต่ไม่เอาค่ะ ไม่ชอบเท่าไร ชอบปรุงเอง แต่เราว่านะซีอิ๊วขาวเนี่ยเหมาะกับข้าวต้มเป็นที่สุด โดยเฉพาะแบบเห็ดหอมอ่ะ ทำให้หอมมากเลยค่ะ
พริกไทย......อันนี้คู่กันดีกับข้าวต้ม ชอบมันร้อนดี
แฮม............เราเลือกแบบเป็นก้อนมาตัดเอง เพราะเราชอบแบบตัดเป็นสี่เหลี่ยมอ่ะ จะให้ดีเป็น turky ham นะคะ ไขมันต่ำกว่า และก็ยังถูกกว่าอีกด้วย 3 เหรียญกินได้นานเลย
เม็ดpeas......เม็ดที่กลมๆเขียวๆอ่ะค่ะ มีแช่แข็งขายนะคะ ที่เขาแกะมาจากถั่วลันเตาอ่ะค่ะ
แครอท........หั่นเต๋า
ข้าวโพด.......อันนี้เพื่อความสะดวก มีแช่แข็งขายเหมือนกันค่ะ
ผักชี............หั่นเป็นฝอยๆ
ต้นหอม........หั่นเป็นฝอยๆ เช่นกัน

ขั้นตอน ก็ไม่ยากค่ะ

1.ต้มข้าวก่อนค่ะ เริ่มสุกแล้วแต่อย่าให้สุกมากไปนะคะ เพราะต้องต้มไปพร้อมกับของอย่างอื่นอีก แล้วเติมหอมหัวใหญ่ กับเซเลอรี่ นะคะให้เดือดสักพัก
2.เติมแครอท ต้มประมาณ 3 นาทีก็เติมข้าวโพด เม็ดถั่วลันเตา แฮม
3.ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว พริกไทย เกลือนิด แล้วแต่ชอบนะคะ ข้าวต้มเนี่ยปรุงง่ายอยู่แล้ว ถ้าใส่คนอร์ก็เอาใส่ครึ่งก้อนก่อนนะคะ เผื่อว่าจะเค็ม เพราะว่าแฮมก็เค็มอยู่บ้างแล้ว
4.เดือดแล้วก็ยกลงเลยค่ะ
5.โรยหน้าด้วยผักชี ต้นหอม และกระเทียมเจียวน้ำมันพริก

พูดถึงกระเทียมเจียวน้ำมันพริก แถวบ้านเนี่ยชอบมากเลย ชอบใส่กับหลายอย่าง ใส่กับข้าวเปียกของคนเวียดนาม หรือญวณ นั่นเอง ที่เขาเรียกว่า ก๋วยจั๊บเวียดนาม อ่ะค่ะ หรือไม่ก็ใส่กับโจ๊ก ก็หอมสุดๆ น้ำมันกับพริกรวมกันแดงๆ แล้วอร่อยสุดๆ ถ้ากลัวอ้วนก็อย่าตักน้ำมัน ตักแต่กระเทียมนิดหน่อยแล้วกัน 555

หมายเหตุ...สักนิดนะคะ คือว่าไม่ได้บอกปริมาณเพราะว่าทุกอย่างใส่อย่างละนิดอ่ะค่ะ กะเอาชอบกินอะไรเยอะก็ใส่ไป



เป็นยังงี้แหละ แค่เจียวกระเทียมให้หอมเหลืองแล้วเอาพริกป่นลง เสร็จแล้ว



อันที่จริงเอามาลง มันก็ไม่ใช่สูตรอะไรหรอกนะคะ ใครๆก็ทำได้ทั้งนั้นอ่ะค่ะ แต่ว่าอยากเอามานำเสนอเพื่อนๆ ว่ามันน่ากิน และเพื่อสุขภาพดีออก ไม่น่าเบื่อด้วย เพราะมันอร่อยอ่ะค่ะ ทีเด็ดอยู่ที่น้ำมันเจียมกระเทียมพริกป่น อันนี้ไม่ต้องกลัวอ้วนนะคะ ใส่หน่อยเดียวเองอ่ะ ไม่ถึงขนาดต้องอ้วนขนาดนั้นหรอกนะคะ ยังงัยก็ยังดีกว่าการไปกินของหวานเป็นก้อนๆ 555 (เอาใจตัวเองเข้าไว้)

อ่อมอินเตอร์



อาหารวันนี้เป็นอาหารขึ้นชื่อของภาคอีสานของเราเอง อิๆๆ เพราะว่าคราวก่อนกิ๊ฟเขาทำอ่อม แล้วเราก็เกิดอยาก เลยตั้งใจเอาการบ้านนี้มาส่งกิ๊ฟ แต่ว่าเราไม่มีน้ำปลาร้าเหมือนกิ๊ฟบอก ไม่มีแมงลัก แต่ว่าไปอ่านเจอของคุณJekyll and Hydeจากบล๊อกแกง บล๊อกของเขาเขาใส่กะปิ เลยขออนุญาติส่งการบ้านไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ เขาก็มีอาหารเยอะน่าสนใจค่ะ เรามีลิงค์อยู่ที่ลิงค์ของเพื่อนด้วยเผื่อใครอยากเข้าไปดูค่ะ เขาเรียกว่า"อ่อมอินเตอร์"ค่ะ งั้นเราก็ขอโกอินเตอร์เหมือนกันนะคะ คุณ Jekyll and Hyde ขอบคุณค่า แต่ขอเรียกว่า"อ่อมประหลาด"แล้วกันนะคะ



อ่อมประหลาด

เกิดขึ้นเพราะความอยาก และเป็นช่วงที่กะลังลดความอวบอยู่เลยเกิดไอเดียที่เกี่ยวกับผักๆๆๆๆทั้งหลายค่ะ จะได้ทานตอนเย็น ลดไขมันที่พอกพูน ก่อนจะทำก็แชทกับแม่ค่ะ ถามแม่ว่า"แม่..อ่อมใส่ผักไรมั่งอ่ะ" แม่ตอบว่า "อยากใส่อะไรก็ใส่ไปเลยลูก" 555 สวยสิแม่ ใส่ไปเลยจริงๆ 555

ปล.ค่ะ
1.ในรูปอ่ะ มี acorn squash อิๆ ติ๊ต่างว่าเป็นฟักทองเนอะ ตู่(น้องในเวบนึง)บอกว่าใส่เนย แต่ว่าพี่ลดความอวบอยู่อ่ะ เลยต้องเอาไปลงในซุปแทน พอได้มะตู่ รูปร่างมันก็ดูสวยงามอยู่นะ แต่ตอนกินก็อร่อย แล้วก็รสกับเนื้อเหมือนทานฟักมากกว่า สงสัยไปทำแบบตู่ว่าจะเวิร์คกว่า แต่ว่าก็โอเคค่ะ
2.ประการต่อมา วันที่ไปซื้อของอ่ะ ดันลืมซื้อหอมแดงเสียนี่ แต่ว่ามีหอมขาวมันดูไม่เข้ากันเลยนะ แต่ว่าดีกว่าอดวุ้ย อยากทานจนจะลงแดง ต้องสนองต่อมอยากเสียหน่อย แล้วก็ลืมซื้อปลาร้าขวดค่ะ เลยต้องเสก"กะปิ"ลงไปแทน ออกมานะ หอมมมมมม รีบไปเปิดหน้าต่าง เปิดฮู๊ด แล้วจุดเทียนหอมทันที 555 เป็นอันว่าได้กินอ่อมสมใจ

เครื่องมีดังนี้นะคะ

หอมแดง(ไม่มี..มีแต่หอมขาว)ประมาณ 1/2 ถ้วยตวงเลยอ่า
กระเทียม ใส่ไปเลย 7-8 กลีบ หอมดี ชอบ
พริก เคยเห็นเขาใส่กัน 25 เม็ด ไม่ไหวอ่ะ รับบ่ได้ก๊า ใส่ไป 10 เม็ดก็พอ เรามันเดะๆๆ
ตะไคร้ ที่ซื้อมาหลายเดือนเพิ่งได้ออกโรงก็วันนี้ล่ะ 2 หัว แล้วก็หั่นเป็นแว่นๆๆๆๆๆๆๆเล็กๆ
เกลือ นิดหน่อย
กะปิ จกด้วยช้อนทานข้าวสัก 1/2 ช้อนพูนๆ กะเอาอีกล่ะ
ไก่ แล้วแต่จะชอบ สัก 2 ปอนด์ไปเลย กะเอาชอบเยอะใส่เยอะ ชอบน้อยใส่น้อย หั่นพอคำอย่างที่ชอบ เราซื้อสะโพกไก่แบบไม่มีกระดูกมาใส่อ่ะ เพราะเห็นว่ามันถูกกว่าอก แต่ถ้าซื้อทั้งสะโพกมา ขี้เกียจตัดกระดูกอ่ะ
ผักค่ะผัก แล้วแต่จะชอบ ที่ใส่วันนี้ก็มี
+ซูกินี่ (zucchini) 2-3 หัว
+เยลโล่สควอว์ช(yellow squash) 2 หัว
+มะเขือเปราะ 10 หัว ได้มาจากร้านเอเชีย สวยดีเลยซื้อมา
+อคอร์นสควอร์ช(acornsquash) 1/2 หัว (แบบว่าอยากลองว่ารสชาดเป็นงัยอ่ะ)
+ดิล(baby dill) 2 ห่อพลาสติคแข็งๆ ห่อละตั้ง 2 เหรียญ โคตรแพงเลยอ่า
ผักทั้งหลายก็หั่นอย่างที่จะชอบอ่ะนะ พอคำเข้าไว้
น้ำปลา ปรุงรสค่ะ กับข้าวเบือค่ะ

**ข้าวเบือคือข้าวสารที่แช่น้ำแล้วมาตำเพื่อจะใส่ในแกงให้เหนียวขึ้น..น่ากินมากค่ะ**
**น้ำตาล...อย่าใส่โดยเด็ดขาดนะคะ เป็นสารต้องห้ามของเมนูนี้ค่า**

จะลงมือเลยนะ

1.ตำตะไคร้ที่หั่นฝอยแล้วนะใส่เกลือ ให้ละเอียดโกรธใครก็มาลงเอาตรงนี้แล้วกันนะ จะได้สบายใจ อิๆ เอาพริกลง เอากระเทียมตาม หอมตาม แล้วตามด้วยกะปิต่อ และถ้าไม่มีครกสากเหมือนที่เราไม่มีมะก่อนนะ ก็เอาลงเครื่องปั่นเลยค่ะ สัก 2-3 จึ๊กๆ ก็ละเอียดได้ดังใจแล้วค่ะ แต่วันนี้อยากตำค่ะ อารมณ์แบบว่าเหมือนอยู่บ้าน คิดถึงแม่ค่ะ
2.ละเอียดหนำใจแล้วก็เอาไก่ล้างสะอาดแล้วหั่นแล้วมาลงคลุกด้วยกันซะ จะได้หนำใจจริงๆ อิๆ
3.เอาข้าวสารที่แช่แล้วมาตำเป็นข้าวเบือค่ะ อ่า..ต้องล้างครกก่อนนะจ๊ะ
4.เอาไก่ที่คลุกไว้มารวนในหม้อใบใหญ่ค่ะ รวนพอตึงก็เติมน้ำ เปิดไฟให้แรงนะคะให้น้ำเดือด เติมน้ำปลาปรุงรสค่ะ
5.เอาอคอร์นลงไปเพราะว่าสุกยากกว่าอย่างอื่น แล้วก็ตามด้วยผักชีลาวค่ะ เพราะอยากให้หอม
6.เติมมะเขือลงไปพร้อมกับข้าวเบือ
7.พอเดือดเอาซูกินี่กับเยลโล่สควอร์ชใส่เลยค่ะ แล้วปิดไฟเลย เพราะไม่ชอบสุกๆอ่ะเละไปไม่หย่อยไม่ชอบบบ

หม้อนึงเลยค่ะเนี่ย ทานกับข้าวตอนกลางวัน หรือกลัวอ้วนก็ตอนเย็นเอาไว้ทานสิคะ จะได้ไม่มีแป้งงัย แค่แป้งจากข้าวเบือ ไม่อ้วนหรอกค่ะ จริงมั๊ยคะ???