Pecan Pie




พีแคนพาย พะคอนพาย ก็ตัวเดียวกันค่ะ แต่คนทางนี้เขาเรียกว่า พะคอนค่ะ







สูตร
  • 2/3 cup sugar
  • 1/3 cup melted butter
  • 1 cup light corn syrup
  • 3 eggs
  • 2 ts vanilla
  • 1 cup chopped pecans
  • dash of salt
  • 1 9"pastry shell
ขั้นตอน
1.ผสมทุกอย่างรวมกันยกเว้นถั่วพะคอน แอนน์ใช้เครื่องปั่นมือเนี่ยค่ะ ถูกๆง่ายๆ
2.เข้ากันดีแล้วก็เอาถั่วที่สับหยาบๆ หรือแล้วแต่ชอบหรือครีเอทค่ะใส่ลงไปรวมกัน
3.เทใส่ถาดอบเพสตรี้เชลล์ ซึ่งเอาง่ายๆซื้อมาจากตลาดเร็วทันใจดีค่ะ
4.เพสตรี้เชลล์ไม่ต้องอบก่อนนะคะ เอาแบบนั้นแหละปูใส่ถาดอบกลม 9 นิ้ว แล้วก็ทำลวดลายตามชอบตรงขอบอ่ะค่ะ บ้านแอนน์ก็ขยุ้มๆๆๆเลยค่ะหรือทวิซก็ได้
5.เทแล้วก็อบเลยค่ะ 350 องศาฟาฯ 1 ชม.ค่ะ ของแอนน์ ชม.เต็มๆ แถม 5 นาทีค่ะ
6.สุกแล้วก็เอาออกมาวางพักไว้ให้เย็นข้างนอกได้เลย เย็นแล้วปาดดดดดดดใส่วิพครีม สวรรค์เห็นๆค่ะ

ผัดกระเพราไก่งวง..ควันหลง Thanksgiving



แหม่..ควันหลง"วันขอบคุณพระเจ้า"ยังอยู่ อยู่เลยนะเนี่ย เลยจัดการเอาเจ้าไก่งวงที่ยังอยู่ในตู้เย็น มาผัดกระเพราซะเลย อ๊ะ..อย่าดูถูก มันอร่อยนะ จะบอกให้ เอาข้าวมาคลุกแล้วแบบอร่อยมากๆ ไม่ต้องปรุงไรเยอะเลย

เครื่อง

  • น้ำมัน
  • กระเทียมสับ
  • หมูสับ+ไก่งวงรมควันที่เหลือจากเทศกาล
  • ผักตามชอบ เช่น ถั่วฝักยาว หอมขาว
  • ซอสกระเพราขวด(ก็ไม่มีกระเพรานี่นา..ยังปลูกไม่ได้)
  • ซอสภูเขาทองฝาเขียว+น้ำตาล+น้ำมันหอย(เริ่มเลี่ยงเหมือนกันละเนี่ย)

วิธีทำ

ผัดเหมือนกระเพราทั่วไปคับ เริ่มจากน้ำมัน กระเทียม หมู สุกดีแล้วก็ซอสกระเพราตาม ปรุงรส อย่าเค็มนักเพราะว่าไก่งวงเค็มนิดๆอยู่แล้ว ได้แล้วใส่หอม ถั่วฝักยาวตามลงไปจนสุกแต่ยังกรอบอยู่ ก็ตัดไก่งวงเป็นชิ้นพอคำ(ใหญ่หน่อย) คนรวมกัน ปิดไฟ ยกเสิร์ฟ แฮ่ๆๆๆ ข้าวสวยค่า ข้าวสวย เอาข้าวสวยมาคลุกรวมกันเป็นเหมือนข้าวผัด เป็น"ข้าวคลุกผัดกระเพรา"ให้พี่เคลย์ไปทำงาน

**บ้านนี้ทำอาหารไม่เก่ง แต่...กินเก่ง**

**บ้านนี้ชอบหากินง่ายๆ คิดง่ายๆ..เพราะมันคิดไม่ออก**

แกงกะหรี่ไก่




ไม่ยากเลย อะไรจะง่ายขนาดนี้ อยู่เมืองไทยก็ไม่ค่อยกินหรอกนะ เพราะมันไม่คุ้น ส่วนใหญ่ก็กิน แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด พะแนง อะไรทำนองนี้มากกว่า แต่ว่ามาอยู่นี่ มันก็อยากลองอะไรหลายอย่าง ล้วนแต่เป็นของที่เกิดจากการคิดถึงบ้าน คิดถึงเมืองไทยทั้งสิ้น และที่นี่ก็สมใจอยู่อย่างคือ ไม่ต้องตำอะไรเองนัก เพราะอยู่ไกลบ้านก็ทำให้ซึ้งพอแล้ว ยังจะไม่มีของกินอีกก็คงขาดใจกันพอดี พอมีเครื่องกระป๋อง ทำให้แม่บ้านไกลบ้านก็ตาโตได้มากๆเอาเหมือนกัน ยิ่งถ้าทำงานแล้ว ก็คงไม่มีเวลามานั่งตำ หรือขูดมะพร้าวบนกระต่าย(แอนน์เกิดทันนะเอ้า..)เหมือนหนังเรื่องแม่เบี้ยหรอก แต่จริงๆก็อยากทำ อยากเป็น อยากรู้ แอบอิจฉาคนเก่งๆ บางทีเค้าคิดอะไรเก๊งเก่ง





มายากตอนกิน เพราะมันเผ็ดจับใจ ก็แอนน์ใส่ทั้งกระป๋อง อิๆๆ ซวยท้อง สบายปาก แต่วิธีทำแอนน์ไม่รู้ว่าของจริงๆควรจะเป็นยังงัย เพราะแอนน์อ่านข้างกระป๋องเอาน่ะ ใครรู้ก็ช่วยบอกทีแล้วกัน แอนน์เอาแบบอร่อยปากตัวเองก็พอน่ะตอนนี้

เครื่องปรุง

  • เครื่องแกงกะหรี่แบบกระป๋องเล็ก 1 กระป๋อง
  • อกไก่ 5-6 อก หั่นเป็นคำๆ
  • กะทิกระป๋อง 1 กระป๋อง ประมาณ 14.50 ออนซ์ เป็นอย่างต่ำ
  • มันฝรั่ง 2 ลูก หั่นเป็นชิ้นใหญ่นิดนึง
  • น้ำปลา
  • เกลือ
  • น้ำตาลนิดหน่อย
  • หอมหัวใหญ่(เพิ่มเพื่อความชอบส่วนตัว)

วิธีทำ

  • น้ำมันนิด ผัดกับเครื่องแกงจนหอม
  • เติมน้ำกะทิลงไปให้เดือดปุดๆจะได้มีมันๆ อร่อยๆ
  • เติมไก่ลงไป รวนให้พอตึงๆหรือเกือบสุกเลย ปรุงรสตามชอบ
  • เติมหัวหอมหั่นใหญ่หน่อย และตามด้วยมันฝรั่ง
  • ใช้ทัพพียางจะดีกว่าในการคนทั้งหมด มันฝรั่งจะได้ไม่แตก
  • ต้มจนมันเกือบสุกดี แต่ไม่เละ เพราะเดี๋ยวทิ้งหม้อไว้ก็จะสุกต่อไปอีก กะให้พอดี แล้วปิดไฟ ทิ้งหม้อไว้ซัก ชม. ตักราดข้าว ก็อร่อยดีนะคะ

แปลกไปอีกแบบ สีสันจัดจ้าน

ผัดกระหล่ำปลีหมูสับ




เดี๋ยวนี้แอนน์หากินง่ายขึ้นทุกวันเนอะ แต่ว่านะมันจะง่ายยังงัยมันก็อร่อยติดปาก เป็นเมนูประจำอีกเมนูหนึ่ง หมายความว่า กระหล่ำปลีเนี่ยต้องมีติดบ้านนะคะ มันง่ายยิ่งกว่าผัดกระเพราเสียอีกนะ รสชาดก็อร่อยด้วย ได้กินผักเยอะด้วย แต่กินทีไร แก๊สเยอะทุกทีเลย หุๆๆ หมูสับเอย กระหล่ำปลีเอย อกไก่เอย บ้านแอนน์ต้องติดไว้ทุกอาทิตย์ค่ะไม่ต้องพูดเยอะแล้วกัน ดึกแล้วชักหิวเอง ไม่ดี ตอนนี้แอนน์กำลังทำ"ปฎิบัติการรีดไขมัน"อยู่ค่ะ อาทิตย์นึงเนี่ยแอนน์ลดไปละ 3 ปอนด์ ไม่กล้าพูดเยอะ กล้วว่าทำไม่ได้แล้วจะอายเพื่อนฝูง เลยต้องงุบงิบๆทำเองไปก่อน โดยที่ยังกินอยู่เหมือนเดิม แต่ตัดปริมาณลง 1/3 เป็นขั้นต้น ได้ผลอย่างดี และจะรอดูผลทุกเดือนจะดีกว่ามาเขียนทุกวัน ท้อหมด มาต่อเรื่องกะหล่ำปลีดีกว่า มาดูเครื่องกันเลยดีกว่าเนอะ อย่าเสียเวลากะแอนน์เลย

เครื่องปรุง

  • น้ำมันมะกอก
  • กระเทียมสดสับหยาบ 4-5 กลีบ
  • หมูสับ 1 ปอนด์
  • พริกเวียตนาม(ตามรูปคับ) 1-2 ช้อน
  • กะหล่ำปลีหั่นฝอย(ที่บ้านชอบแบบนี้น่ะ) 1 หัวเล็ก หรือ กลาง
  • น้ำมันหอย
  • ซอสปรุงรสภูเขาทองฝาเขียว หรือ ซีอิ๊วขาวก็ได้

วิธีทำ

  • ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ร้อนแล้วเติมกระเทียมเจียวพอเหลืองเติมหมูลงไปรวนได้เลย พอหมูสุก ปรุงรสด้วยซอสทั้งสอง ตามด้วยพริกเวียตนาม แล้วเอาผักลงได้เลยทั้งหมดเลย อันนี้ต้องใช้หม้อใหญ่ผัด เพราะถ้าใช้กระทะแบนๆคงล้นผัดไม่สะดวก ที่บ้านชอบใช้หม้อผัดค่ะ เวลาน้ำมันกระเด็น มันปลอดภัยดี อิๆๆ
  • ผัดด้วยไฟแรงเลยค่ะ คนไปมาซัก 5 นาที หรือพอให้ผักสุกแต่กรอบ ก็ปิดไฟได้เลย แต่ถ้ายังไม่ทานต้องเผื่อผักให้กรอบกว่าเดิมหน่อย เพราะว่ากว่าเราจะกิน ความร้อนที่ยังคงอยู่กับหม้อ จะยังทำการต้มผักให้มันสุกไปเรื่อย อันนี้แล้วแต่คนชอบ บางคนก็ชอบสุกหน่อย บางคนชอบกรอบๆ อันนี้สังเกตุจากฝรั่งในครอบครัว ทั้งครอบครัว(ใหญ่ๆ)จริงๆนะ เขาชอบคนละแบบ แต่ส่วนใหญ่ชอบกรอบนิดๆน่ะ
  • ได้แล้วเสิร์ฟกับข้าวสวยได้เลยค๊าบ ขอข้าวทัพพีเดียวนะจ๊ะ พอดีแก่ขึ้น เดี๋ยวอาหารมันจะเผาไม่หมด อิๆๆ

หมูผัดพริกขิงกับถั่วฝักยาว



ได้โอกาสเข้าครัวกันบ้างแล้วนะคะรอบนี้ วันนี้ทำผัดพริกขิงหมูใส่กับถั่วฝักยาวค่ะ อันนี้ก็เป็นหนึ่งในของโปรด(โปรดเกือบทุกอย่างเลยนะคะเนี่ย) เพราะหนึ่ง เราชอบถั่วฝักยาวกันอยู่แล้วค่ะ พี่เคลย์สามีแอนน์เนี่ยเค้าโตมากับผัดพริกถั่วฝักยาวตอนอยู่เมืองไทย แต่ ณ วันนี้เค้าได้ลองผัดพริกขิงแล้ว เค้าก็ยิ่งชอบมากกว่าเดิมอีกค่ะ แม้ว่าเราจะไม่มีใบมะกรูดมาโรย แต่แค่นี้ก็หนำใจแล้วค่ะ และก็พื้นฐานเหมือนเดิมค่ะ ง่ายๆ

เครื่องปรุง

  • น้ำมันสำหรับผัด
  • กระเทียมสับหยาบซํก 4-5 กลีบ
  • หมูหั่นเป็นชิ้นพอคำ 1-2 ปอนด์(ตามชอบแหละค่ะ)
  • พริกขิงกระป๋อง 1 กระป๋อง(4 ออนซ์)
  • ถั่วฝักยาว 1-2 ปอนด์ หั่นเป็นท่อนๆพอคำ
  • น้ำมันหอย 2-3 ชต.
  • น้ำปลา 1 ชต.
  • น้ำตาล 1 ชช.

วิธีทำ

ตั้งกระทะ น้ำมันร้อนแล้วใส่กระเทียมพอเหลืองหอม ตามด้วยพริกขิงทั้งกระป๋อง พอหอมก็เอาหมูลงรวนได้เลย ปรุงรสตามชอบ พอหมูเริ่มสุกก็ตามด้วยผัก ผัดซัก 5 นาที ปิดไฟ ยกหม้อออกจากเตา เพื่อไม่ให้ความร้อนทำให้ผักสุกเกินไป ไม่กรอบ แต่บ้านแอนน์เตาไฟฟ้าแบนๆ แอนน์ก็ชอบเอาผักลง แล้วก็ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟเลยค่ะ ทิ้งไว้แป๊บมันก็สุกพอดี แบบกรอบๆ เขียวสวย

**แอนน์ชอบใช้น้ำปลาค่ะกับเมนูนี้ แอนน์ว่ามันอร่อยได้รสกว่า บางเมนูแอนน์ชอบใช้ซอสภูเขาทองน่ะ แต่เมนูนี้แอนน์ว่าได้กลิ่นแรงๆของน้ำปลา มันซู๊ดดดดดกว่ากันเยอะเลยค่ะ และแน่นอนบ้านเราชอบเอาน้ำตาลมาตัดด้วยนิดนึง อิๆๆ คือที่บ้านสวีทหวานกันประจำทำให้น้ำตาลที่บ้านมีเยอะค่ะ เลยหมั่นเติมกันเรื่อยๆ เอิ๊กๆๆ

**ยังไม่เก่งถึงขนาดตำพริกเองได้ค่ะ แค่หาแบบกระป๋องตุนไว้เนี่ยก็เก่งเหลือกำลังตัวเองแล้วค่า

ยำวุ้นเส้น



เครื่องปรุง

หมูสับรวนสุก
วุ้นเส้นต้มสุกแล้ว
มะเขือเทศหั่นเล็กๆ
หอมหัวแดงหั่นเล็กๆ
ผักชีหั่น
น้ำยำ..พริกสด+น้ำปลา+น้ำตาล+น้ำรวนจากหมูต้มสุก+น้ำมะนาวสด

วิธีทำ

ผสมทุกอย่างรวมกัน คนให้เข้ากัน เสิร์ฟบนผักกาดแก้ว

หลนไก่งวงสับกับกุ้ง



แรงบันดาลใจเกิดจาก "ไม่เคยทำ"เลยค่ะ อิๆๆ เลยอยากลอง เพราะว่าไปรัฐเมนคราวก่อน ยืมหนังสือ"สารพัดอาหาร2...ของ..นิตยสารแม่บ้าน"เค้ารวมเล่มขายอ่ะค่ะ แล้วก็เปิดๆดูรูปก็สวย อาหารก็ดี แล้วก็มาสะดุดที่เค้ามี"หลนแหนม" และ "หลนพริกขี้หนู" ซึ่งเครื่องก็ต่างกันนิดหน่อย คงเป็นเพราะแหนมมันเปรี้ยว เครื่องเลยต่างกันนิด

ยังงัยก็ตาม เกิดอาการอยากกินมั่งค่ะ แหนม..ก็ไม่มี พริกก็กินเยอะไม่ได้ เดี๋ยวเข้า รพ.ไม่มีใครไปดูแล สามีต้องทำงาน เลยเอาวะ มีไก่งวงสับอยู่กับกุ้งสดแช่แข็ง เคยเห็นในบล๊อก รู้สึกว่าจะบล๊อกแม่สลิ่ม เคยทำหลนกุ้งสด แต่ตอนนี้รู้สึกสับสนตัวเองมาก ชั้นจะทำหลนอะไรดีเนี่ยยยยยย

ว่าแล้วก็หยิบหนังสือมาไว้ใกล้ตัว เทียบสองเมนูของ"แม่บ้าน..สารพัดอาหาร 2" เทียบไปมา โอ๊ย...มั่วหน่อยแล้วกัน(ทำหลายวันแล้ว..ต้องนึกก่อนว่าตัวเองใส่อะไรไปบ้าง แฮ่ะๆๆ) ออกมาดังนี้ค่ะ เอาสะดวกเข้าว่าอ่ะนะ

เครื่อง

  • กะทิกระป๋อง 1 กระป๋อง(14 ออนซ์)
  • เนื้อไก่งวงสับ 1 ปอนด์(โปรตีน..เน้นๆ อิๆๆ)
  • กุ้งสดแช่แข็ง 10 กว่าตัว ล้าง ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ
  • หอมแดงซอย 10 กว่าหัว(เพราะชอบหอมแดงค่ะ)หั่นเป็นเส้นๆ
  • พริกสดผ่าครึ่ง ตามชอบค่ะ แต่แอนน์ได้ไม่เกิน 5 เม็ดค่ะ เดี๋ยวแย่
  • เกลือป่น 1/2 ชต.
  • น้ำตาลทราย 2 ชต.
  • ผงมะขาม 1 ชต.

วิธีทำ

ตั้งน้ำกะทิให้เดือดเติมเกลือ น้ำตาล ผงมะขามหรือน้ำมะขามเปียก 2 ชต.ใส่เนื้อไก่งวงสับ ตั้งไฟให้สุก ชิมรสให้ได้ 3 รส เค็ม เปรี้ยว หวาน หรือตามชอบนะเติมพริก เติมกุ้ง ปิดไฟเลยค่ะ เดี๋ยวกุ้งแข็งไม่รู้ด้วยนะ

ราดข้าว ลองกินดู เออ..ก็ใช้ได้นะ แม้ว่าเนื้อไก่งวงจะไม่เพอร์เฟคเท่าหมูสับ หรือแหนม แต่ก็ทำให้นั่งละเลียดฝันไปได้พักนึง อิๆ พักนี้สงสัยจะคิดถึงบ้านมาก ยิ่งใกล้วันจะกลับ(อีก 10 เดือนแน่ะคับเพื่อน เห่อมะ..)ยิ่งสรรหาอาหารไทยมาทานใหญ่เลย ซ้อมๆไว้หรือปล่าวเนี่ย ในรูปมีแต่หลนคลุกข้าวสวย เพราะว่าไม่มีผักค่ะ วันที่ทำ ก็อยากมากอ่ะนะ แต่ยังไม่ได้ไปตลาดซื้อผักซื้อหมู เลยเอาแบบค้นตู้เย็นมาทำเลย ถึงจะมั่ว แต่กินได้ ไม่อดอยากนะคับท่าน

ไข่พะโล้+หมูพะโล้



ในหม้อนี้ดูดีๆขวามือจะเห็นโซ่เป็นเส้นๆ อันนั้นเป็นตะกร้อที่ซื้อมาจากร้านญี่ปุ่นในเมืองค่ะ ใส่พวกเครื่องเทศของเราที่เป็นชิ้นๆอ่ะ เพราะขี้เกียจแยกเวลาเราต้มเสร็จแล้วอ่ะค่ะ แอนน์ไม่ชอบกัดดอกโป๊ยกั๊กค่ะ เสียอารมณ์ เลยจัดการแยกไว้เลย
----------------------------------------------------
ส่วนมันที่ลอยหน้าอ่ะ มีบ้างนิดหน่อย แต่เราก็ตักทิ้งได้ระหว่างที่เราต้มจะมีพวกกากที่เกิดจากเลือดดูเหมือนสกปรก ตักทิ้งไปพร้อมกับมันลอยหน้าได้เลยค่ะ แต่ถ้าไม่หมดสมใจก็ไม่ต้องตกใจ(มันอ่ะค่ะ) เมื่อเราใส่ตุ้เย็น วันต่อมามันมันก็แข็งลอยหน้า เราก็ตักทิ้งง่ายๆ เป็นเคล็ดลับอีกอันนึงค่ะ สำหรับคนที่เกลียดมันเหลือเกิน หรือระวังเรื่องไขมันอยู่อ่ะค่ะ



เอารูปเก่า ใหม่ มาผสมกันบ้าง นี่ก็ถ่ายไว้นานแล้วค่ะ เคยเอารูปมาลง แต่จำไม่ได้ว่าเคยลงวิธีทำหรือปล่าว



บางรอบฟลุ๊ก ได้ชิ้นติดเอ็นมา มันนุ่มลิ้นมากมายเลยค่ะ เพียงแต่ต้องต้มนานหน่อยแค่นั้นเอง



ราดข้าวเสร็จแล้วก็บี้ไข่เลยค่ะ แอนน์ชอบให้ไข่แดงปนกับน้ำหมดเลย แล้วก็สับๆๆๆๆด้วยช้อน น่าทานดี พริกป่นหน่อยนึง มาดูวิธีทำกันนะคะ

เครื่อง

  • หมู 2-3 ปอนด์ ตัดเป็นก้อนๆละครึ่งฝ่ามือ เพราะเดี๋ยวมันหดอีก
  • ไข่ 12 ฟอง ต้มทิ้งไว้ให้เย็นแล้วแกะ ตอนต้มเติมเกลือ อาจช่วยเรื่องแกะให้ง่ายหน่อย หรือไข่ที่ไม่ต้องสดมากก็แกะง่าย
  • น้ำ 6-8 ถ้วยตวงโดยประมาณ
  • เกลือ 1 ชต.
  • ซีอิ๊วขาว
  • ซีอิ๊วฝาเขียวภูเขาทอง
  • น้ำตาลทรายแดง 2 ถ้วยตวง โดยประมาณ หรือน้ำตาลปี๊บทั้งก้อน(น่ากลัวเนอะ แต่ทำแล้วอร่อย อิๆๆ)
  • ซีอิ๊วดำ 1/4 ถต. อันนี้แล้วแต่ยี่ห้ออ่ะค่ะ แอนน์มีของอินโดมันแบบหวานก็จะไม่ค่อยดำ ใส่เยอะเป็นถ้วยเลย
  • พริกไทยดำป่น(เอง)หอมกว่าประมาณ 1 ชช.
  • ผงทำพะโล้ ใส่เพิ่มเข้าไปอีกอ่ะค่ะ หอมดี กลัวไม่พอ แต่ไม่มีก็เติมของข้างล่างเพิ่มอีกนิด
  • กระเทียม 5-6 กลีบตัดครึ่งทางยาว
  • ลูกผักชี ประมาณ 1 ชช.เพิ่มความหอมเพราะเราไม่มีรากผักชี
  • โป๊ยกั๊ก 6-7 ดอก
  • อบเชย เป็นก้านๆยาวเท่านิ้วซักประมาณ 2-3 ก้าน และยังแอบเติมอบเชยป่นแบบกระป๋องไปอีก 1 ชช.เลย เพราะชอบ

วิธีทำ

1.ต้มน้ำใส่เกลือรอให้เดือด
2.กระเทียมสด ลูกผักชี โป๊ยกั๊ก อบเชยก้าน ใส่ตระกร้อ หย่อนลงในหม้อน้ำเดือดได้เลยต้มซักพักให้เครื่องเทศหอมออกมาหน่อย
3.เติมซอสปรุงรสทั้งหลาย และน้ำตาล พริกไทย ผงพะโล้
4.ชิมตามชอบนิดนึงก่อน แล้วค่อยผ่อนไฟกลาง เอาไข่ลงไป เอาหมูลงไป ต้มไฟอ่อนถึงปานกลาง คอยช้อนเอาฟองและน้ำเลือดที่สุกลอยหน้าออก จะทำให้น้ำดูน่ากินหน่อย ต้มราวๆ 2 ชม.นู่น

ต้องคอยเช็คดูหมูเอาถึงจะรู้ เพราะถ้านานไปหมูก็อาจจะเปื่อยเป็นเหมือนกระดาษโดนน้ำได้เหมือนกัน พอหมูสุก เราก็ชิมรสอีกครั้งนึงว่าพอใจหรือปล่าว บ้านแอนน์ชอบออกหวานนิดนึง เค็มนำ หวานตามอ่ะค่ะ กระเทียม อบเชยต้องถึง วิธีทำอาจจะแปลกกว่าบ้านอื่น แต่เป็นเพราะว่าแอนน์จำมาจากพี่สาวสามีที่เค้าโตที่นี่เค้าก็ทำแบบฝรั่ง และส่วนอื่นๆแอนน์ก็จำมาจากน้าที่เค้าเคยทำให้กินตอนทำงานอยู่ร้านเค้าอ่ะค่ะ พอเราปิดไฟแล้วมันก็ยังคง cook ตัวมันเองต่อไปอยู่นั่นเอง

**หมู...แอนน์เลือกใช้ pork tenderloin ที่เค้าขายเป็นเส้นๆอ่ะค่ะ ใช้ทีสองท่อนเลยท่อนยาวเท่าแขนค่ะหรือบางทีก็ใช้ boneless country style ribs แต่ที่ชอบที่สุดชอบ pork butt ซื้อมาทั้งขาเลยค่ะ มาแล่เอามันๆออกไปทิ้ง แล้วเนื้อที่ได้อร่อยมากที่สุดเลย เพียงแต่ใช้เวลาแล่นานหน่อย ตามมีตามเกิด เช่นเคยค่ะ บ้านเรามีอะไรก็ใส่ไปอ่ะค่ะ อิๆๆๆ วัยเรียนอย่างหมอเค็ง จำเป็นต่อสุขภาพอย่างยิ่งค่ะ เพื่อการเรียน อิๆๆ ส่วนแม่บ้าน มีลูก ลูกก็ทานดี มีแต่ของจำเป็นต่อเด็กๆทั้งนั้นเลยค่ะ

Beef Broccoli basil and hot peppers



เมนูนี้เพิ่งจะทำสดๆร้อนๆเมื่อคืนนี้นี่เองนะคะ มันอร่อยเหลือหลาย เลยลัดคิวเอามาลงก่อน อิๆๆ สีสันบาดจิตบาดใจ แม่แอนน์เนี่ยชอบมากมายเลย โปรดนัก ตอนแม่มาเมกา แม่กินเกือบทุกวัน แม่บอกกินได้ไม่มีเบื่อ ชอบบร๊อคโคลี่นัก ส่วนแอนน์อ่ะ กินบ้าง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะ...มันมี"แก๊ส"ค่ะ หุๆๆ แต่มันก็ดีกับเรามากนะคะ กรุบกรอบดีเหลือหลาย สามีแอนน์ชอบมาก ก็ประมาณ เนื้อน้ำมันหอย หรือ น้ำราดหน้า ละมังนะ แต่ใส่ทีเด็ดความหอมเข้าไปด้วย.....พริกสดหั่น...กับ...โหระพาสดๆหอมๆ มันเข้ากันดีมากเลย
--------------------------------------------------
จริงๆแล้วเมนูนี้มันเกิดมาจากการที่ลูกสาวฝรั่ง ลูกติดเมียเก่าอ่ะ เค้ามากินอาหารที่ร้านเรา แล้วก็ติดใจผัด Basil Chicken ของที่ร้าน หรือกระเพราไก่ ที่คนไทยเอามาดัดแปลงขายให้ฝรั่งที่นี่อ่ะนะ แล้วทีนี้เด็กอ่ะ ก็ชอบแต่บร๊อคโคลี่ เลยสั่ง เอาแต่ไก่ บร๊อคโคลี่ และ โหระพา เลยกลายเป็นไอเดียที่พี่เคลย์ชอบเหมือนกัน แต่...วันนี้เราทำเนื้อค่ะ เพราะได้เนื้อสดๆมาหมักไว้แล้ว ปรกติซื้อเนื้อแล้วไม่ค่อยชอบแช่แข็ง ชอบเลือกสดที่สุดมาหมักไว้ และผัดได้เลยอ่ะ
--------------------------------------------------
เครื่อง
  • น้ำมัน
  • กระเทียมสับ กับรายการนี้ชอบเยอะกว่าปรกตินิดนึง หอมดี
  • เนื้อวัว(ของแอนน์มีแอบติดเอ็นมาด้วย น่าอร่อย)หมักกับน้ำมันงา แป้งข้าวโพดนิดนึง พริกไทย ซอสปรุงรสภูเขาทองฝาเขียวนิด และน้ำมันหอย อ้อ..โซดานิดนึงด้วย แต่ไม่ใส่ก็ได้
  • พริกสด หั่นตามชอบ ไม่ชอบหั่นเยอะ เพราะกลัวเผ็ดมากแล้วแอนน์ทานไมได้
  • น้ำมันหอย
  • ซอสภูเขาทองฝาเขียว
  • น้ำตาลนิดนึง สำหรับปรุงรส
  • โหระพาสด
  • บร๊อคโคลี่ หั่นพอคำ แช่น้ำไว้รอ และเอาขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
  • น้ำ+แป้งข้าวโพดประมาณ 2-3 ชช.

วิธีทำ

เหมือนเดิม ตั้งกระทะ น้ำมัน กระเทียม เหลืองแล้วเติมพริกสดลงไป และตามด้วยเนื้อ ปรุงรส พอสุกแล้ว เติมน้ำที่ละลายแป้งไว้รอแล้ว อย่าคืนคนให้เข้ากันก่อนเท เมื่อแป้งเริ่มสุกก็เติมผักทั้งหมดลงไป ผัดซักประมาณ 5 นาที ปิดไฟได้เลย

ที่ต้องเอาผักลงทีหลังเพราะว่า เตาไฟฟ้าอ่ะเก็บความร้อนนาน ถ้าหากเราผัดผักนาน เวลาที่เราปิดและพักหม้อไว้ หรือแม้แต่เลื่อนหม้อไปไว้ที่ไม่ร้อน ตัวผัดเองก็ยังร้อนและยังคงทำการ cook ต่อไปอยู่ เลยต้องใช้วิธีใส่ผักทีหลังแล้วปิดไฟอ่ะ

ส่วนเนื้อ ปรกติถ้าเราไม่มีเตาแก๊สอย่างบ้านแอนน์เนี่ย เวลาผัด น้ำเนื้อออกมาเยอะจนไม่น่าทาน หมายถึงเลือดเค้าอ่ะ แอนน์เลยใช้วิธีเอาใส่ไมโครเวฟก่อน แต่แอนน์ใช้ปุ่มที่เค้าทำละลายอาหารที่ออกจากฟรีซเซอร์อ่ะค่ะ หรือ defrost อ่ะ 10 นาที หรือลัดๆเลย ใส่ไมโครเวฟไป อย่างเนื้อ 1 ปอนด์ ก็เวฟซัก 2-3 นาที แล้วก็เทน้ำออก เอาแต่เนื้อมาผัด ทำให้มันน่าอร่อยกว่าเดิม ไม่แฉะ ไม่ดูเละเทะ ดูเนื้อเป็นเนื้อ เป็นชิ้นๆ เด้งๆค่ะ

หมูผัดกะปิและพริกหวานเล็ก



เครื่อง

  • น้ำมัน
  • กระเทียมสับ
  • หมูหั่นเป็นชิ้นๆ 1 ปอนด์
  • กะปิละลายน้ำร้อน ประมาณ 1 ชต.ได้มั๊ง กะเอา บี้กับน้ำร้อนนิดหน่อยพอละลาย
  • น้ำมันหอย
  • น้ำปลา
  • แป้งข้าวโพดละลายน้ำนิดหน่อย(ประมาณ 1 ชต.อ่ะนะ)
  • *พริกหวานเล็ก

*พริกนี้ ชื่อ vine sweet mini peppers ได้มาจากตลาดวอลมาร์ท ล้างหั่นเป็นแว่น หรือเป็นแท่งๆก็ได้ตามชอบ แอนน์ใส่ไปทั้งกล่องเลย หลายเม็ดอยู่เหมือนกัน ไม่เผ็ดเลยซักนิดเดียว แต่กลิ่นและรสชาดไม่เหมือนพริกเบลเท่าไร อร่อยต่างกัน

วิธีทำ

ตั้งกระทะ น้ำมัน กระเทียม เหลืองหอมแล้วก็เติมหมูรวนพอเกือบสุก เติมน้ำกะปิ น้ำมันหอยนิดนึง ต้องระวังเพราะกะปิก็เค็มอยู่แล้ว ถ้าใครไม่สะใจเติมน้ำปลา เพิ่มความหอมแบบเราๆ ที่ฝรั่งต้องกลัวววววว อิๆๆ หมูสุกดีก็เติมพริกหวานได้เลย และเติมน้ำละลายแป้งข้าวโพดเลย พอสุกดีก็ยกลง ราดข้าวคับ โซ๊ยได้เลยคับอันนี้

ในรูปทำเหนียวไปหน่อย ในความคิด คิดว่าเหนียวแป้งไป ไม่อร่อย คิดว่าอาหารชนิดนี้ที่ชอบทาน ไม่ชอบเหนียวแป้งมากขนาดนี้ คือแบบว่าปรกติมีแต่น้าทำให้กินสมัย 4 ปีที่แล้วได้ และไม่เคยได้ทำเองเลย จนเมื่อต้นปี สบโอกาสเลยลองทำเอง ปรากฎว่าเติมแป้งมากไป อิๆๆ คราวหน้าจะต้องทำให้เหมือนเค้าให้ได้เลยเชียว เพราะจำได้ว่าอร่อยมากๆซัดข้าวไป 2 จานเต็มๆ กะปิอ่ะนะ ใครจะอดใจไหว

ว่าแต่เคยเห็นกันป่าวคะเมนูนี้อ่ะ...

ผัดวุ้นเส้น



เครื่อง

  • น้ำมัน
  • กระเทียมสับ
  • หมูหั่นเป็นชิ้นๆ
  • ไข่
  • วุ้นเส้น(เมืองไทยคงแช่น้ำเอา แต่เราต้มเลย)
  • ผัดกาดขาวหั่นเป็นเส้นๆ
  • แครอทหั่นเป็นแท่งเล็กๆ
  • น้ำมันหอย
  • น้ำตาล
  • ซีอิ๊วขาว
  • ผักชีโรยหน้า

วิธีทำ

เหมือนเดิมค่ะ ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน เจียวกระเทียมพอเหลือง ก็ผัดหมูพอเริ่มสุก ปรุงรสเลย และ ตอกไข่ลง อย่าเพิ่งคน รอซักนิดค่อยคน เพื่อไม่ให้ไข่มันเละ ทำให้มันแบบรวนๆอร่อยกว่า พูดงัยดี คล้ายกับตอนผัดไทยอ่ะนะ ที่ต้องใส่ไข่ทีหลังหมูเนี่ย กลัวหมูไม่สุก กลัวไข่จะไหม้ก่อน อิๆๆ ไม่รู้ครัวอื่นเค้าทำกันยังงัย แล้วก็เอาผักใส่ตามลำดับความาสุกยาก แอนน์ใส่แครอทเข้าไปก่อนไข่อีกค่ะ เพราะถ้ามันแข็งแอนน์กัดไม่ได้ แล้วเติมวุ้นเส้นซึ่งแอนน์ต้มไว้ก่อนหน้านี้ครึ่งทางค่ะ เพราะถ้าไม่ต้มไว้เอามาผัดเลยจะไม่ได้เรื่อง เพราะเตาที่บ้านไม่ใช่เตาแก๊ส ทำให้การทำอาหารมันแปลกออกไปอ่ะค่ะ เลยลัดเลยด้วยการต้มเส้นไว้รอแต่อย่านานจนเละแค่นั้นเอง เติมวุ้นเส้นแล้วก็ปรุงรสอีกนิดหน่อย ชิมตามชอบ และก็เอาผักชีมาโรยหน้าให้สีตัดกัน อิๆๆ

สามีเค้าไม่ชอบมะเขือเทศ เลยไม่ใส่ และส่วนตัวของตัวเองก็ไม่ชอบมะเขือเทศในผัดวุ้นเส้น ส่วนผักที่ใส่ วันนั้นมีอะไรก็ใส่ไป มันเลยออกมาแบบนี้แหละค่ะ เอ..คราวหน้าจะทำ"ยำวุ้นเส้น"ดีป่ะน๊า มีแต่วุ้นเส้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แกงจืดวุ้นเส้นหมูสับ+ไข่เจียวน้ำ



ยังคงเป็นอาหารไทยกันอยู่ เพราะว่าได้ทำแกงจืดก็หลายทีละ แต่ไม่เคยเอารูปมาลง คราวนี้"แกงจืดวุ้นเส้นหมูสับ(อีกละ..บ้านนี้ชอบกินค่ะ)ไข่เจียวน้ำ" คือทำทั้งที ทำครบเครื่องเลย อิๆๆ

เมื่อก่อนนะเคยกินแต่วุ้นเส้นห่อถุงๆและมีตาข่ายพลาสติคห่ออีกที ไม่รู้ยี่ห้ออะไร ร้านอาหารชอบใช้กันอ่ะ แต่กินทีไร เสียศูนย์ทุกที มันแข็ง ไม่นิ่ม ไม่ใส แต่คราวที่ไปเจอเจ้าวุ้นเส้นนี้ที่วอลมาร์ท เลยลองเอามาทำทาน เพราะเราไม่ได้ซื้อมาจากร้านเอเชีย เพราะเข็ด ไม่อร่อย พอเอามาลอง อุ๊ย..ทำไมมันเหนียว ใส เช่นนี้ แถมไม่ต้องแช่ ใช้วิธีลัดของฝรั่ง คือ ต้มเอาเลย แป๊บนึงก็เอามาทำอาหารได้ละ แต่ถ้าทำแกงจืดก็เอาลงต้มได้เลย

อันนี้ก็อีกอ่ะนะ หลายๆคนก็คงทำเป็นอยู่แล้ว แอนน์ก็เอาแบบง่ายๆแล้วกัน

เครื่อง

  • น้ำ กะเอา ไม่พอก็เติมตามชอบ
  • หมูสับ(หมักใส่ซีอิ๊วขาว พริกไทย เบคกิ้งโซดานิ๊ดดดนึง หมักซักไม่ต่ำกว่า 1 ชม.) แอนน์ใช้ 1 ปอนด์
  • คนอร์หมู 1-2 ก้อน(ถ้าไม่ใช้ก็ใช้น้ำซุปต้มจากกระดูกหมู และปรุงรสด้วยเกลือและซีอิ๊วขาว)
  • ผักกาดขาว 1 ต้น(ที่นี่อวบมากกก)
  • ต้นหอมหั่นท่อน ไว้โรยหน้าตอนสุดท้าย ซัก 5-6 ต้น
  • ไข่เจียว หั่นเป็นคำๆ ตามชอบ
  • ซีอิ๊วขาว ปรุงรสเพิ่ม

วิธีทำ

ต้มน้ำเดือดแล้ว เอามาตักลงไปเป็นลูกๆ ติ๊ต่างว่าทำลูกชิ้นอยู่ คนอร์ตามลงไป เอาผักลง แล้วแอนน์ก็ปิดไฟเลย เพราะผักกาดขาวเนี่ยสุกเร็วอ่ะ แต่ว่าเตาบ้านใครเป็นแบบไหนก็ปรับเอาเองนะคะ เพราะของแอนน์เป็นไฟฟ้า จะแบนๆ พอปิด แต่ความร้อนยังอยู่อีกซักพัก เสร็จแล้วก็เอาไข่เจียวหั่น กับต้นหอม ลงไปได้เลย ทิ้งไว้ซัก 15 นาทีค่อยตักทาน จะได้ไม่ลวกปาก อิๆๆ เค็มไม่พอก็เติมซีอิ๊วขาว แอนน์อ่ะว่าพอดี แต่คุณสามีทานเค็มกว่า เค้าเลยต้องเติมซีอิ๊วขาวอีก และบางคนก็ชอบน้ำมากน้ำน้อยต่างกันอีก แหม..ทุกคนเป็นอยู่แล้วอ่ะนะ แอนน์ก็พูดไปเรื่อย

วันนี้เป็นอาหารเบาๆเนอะ

ผัดหมูผักกาดดองกับพริกสด



เมนูนี้ใครเคยเห็นบ้างคะ แอนน์ยังไม่เคยเห็นใครทำเลย แต่ทำไมบ้านแอนน์ถึงชอบกันนัก พ่อแอนน์นะชอบที่สุด ทำเกือบทุกวันจนพ่อเบื่อเลยค่ะ แต่สุดท้ายก็กลับมากินเหมือนเดิม มันคือ"ผัดหมูใส่ผักกาดดองกับพริกสดค่ะ" อันนี้ชอบมาก พี่เคลย์ก็ชอบ ผัดให้ทานชอบใจใหญ่เลย พี่เคลย์บอกว่าเคยทานแต่ต้มกระดูกหมูผักกาดดอง แต่อันนี้ก็อร่อยเขาบอก เลยเป็นเมนูประจำอีกอันค่ะ แต่เวลาผัดต้องระวัง เพราะผักกาดดองหลายที่มันเค็ม

เครื่อง

  • น้ำมันสำหรับผัด
  • กระเทียมสด 2-3 กลีบ
  • หมูหั่นเป็นชิ้นๆ ประมาณ 1 ปอนด์
  • ผักกาดดอง หั่นเป็นชิ้นๆพอคำ ซักประมาณต้นนึง หรือ ให้สมดุลกับหมูอ่ะนะ
  • พริกสด ตามชอบ แอนน์กลัวเผ็ดก็ 2-3 เม็ดตัดทางยาว
  • ต้นหอม หั่นเป็นท่อนซัก 3-4 ต้น
  • น้ำมันหอยปรุงรส
  • น้ำตาล(ถ้าชอบ แต่พ่อแอนน์..ไม่ชอบ..ก็ไม่ใส่)

วิธีทำ

1.เหมือนเคย ตั้งน้ำมันให้ร้อน ลงกระเทียมพอเหลืองหอมเติมพริกสดหั่น แล้วก็เติมหมู ระวังจะจามใส่กระทะนะคะ
2.หมูเริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย(ต้องระวังเพราะผักกาดดองส่วนมากเค็มอยู่แล้ว)แอนน์ชอบเอาน้ำตาลมาตัดรสเค็มนิดๆ เรื่องซอสปรุงรส น้ำปลา หรืออันไหนที่เค็มๆต้องยั้งไว้ก่อน เดี๋ยวเค็มมากไปแก้ยากมากค่ะ
3.ได้แล้วเอาผักกาดดองลงได้เลย
4.ผัดซักครู่ก็ปิดไฟ เติมต้นหอมได้เลยจะได้ไม่เละเกินไป เพราะความร้อนที่อาหารยังคงอยุ่ ก็จะทำให้หอมจะสุกไป
5.เสร็จแล้วค่ะ จานนี้เพอร์เฟคมากๆกับข้าวสวยร้อนๆ กินทีไรคิดถึงพ่อทุกทีเลยค่ะ

จริงๆทุกอย่างของพวกนี้ ถ้าเราทำอาหารจนชิน เราก็จะกะๆๆๆเอาอ่ะค่ะ แล้วก็ชิม ไมได้มีสูตรอะไรตายตัว ไม่เหมือนคนต่างประเทศที่จะทำอะไรก็ต้องตวง ซึ่งมันก็ดีนะคะ แต่แอนน์ขี้เกียจเปลืองหลายถ้วยจานใส่ของ ผัดๆเทๆลงมันที่กระทะหรือหม้อเลยนั่นแหละ ไม่เปลืองดี

เกี๊ยวน้ำ+หมูแดง..แบบง่ายๆ



เกี๊ยวน้ำ+หมูแดงมาแล้วค่ะ มาแบบอดๆอยากๆ บ้านนี้ชอบหมูแดง กินเล่นก็กิน ชอบซื้อหมูเส้นหรือ pork loin ที่ตลาดมาตัดเป็น 3-4 ท่อนยาวๆ แล้วก็ล้างหมักด้วยผงหมูแดง ที่ใช้ประจำก็ยี่ห้อคุ่ใจชาวไทยทั้งไกลบ้าน ใกล้บ้าน ก็ชอบกันทั้งนั้น แต่รอบนี้พยายามใช้ของจีนได้ซื้อมานานแล้ว มาลองดู แต่...มันแดงน่ากลัวอ่ะ ไม่ชอบเลย ชอบสีโลโบ้มากกว่า แต่ยังงัยก็ตาม ของจีนบางยี่ห้อก็สวยและอร่อยเหมือนทำที่ร้านจีนร้านดังที่ไชน่าทาวน์-บอสตันเลย (แต่จะให้เยี่ยมเหมือนไทยจริงๆคงยาก) ของจีนบางซองปรุงเรียบร้อย ผสมน้ำตาลให้เสร็จสรรพ เวลาอบออกมาน้ำเยิ้มๆอร่อย แต่ก็ไม่รู้ซื้อมาจากไหน
---------------------------------------------------
วกเข้ามาที่เรื่องเดิม ทำหมูแดงกินเองก็มีแค่
  • ผงหมูแดง(โลโบ้) 1 ซอง
  • น้ำตาลทรายแดง ประมาณ 2 ชต.
  • น้ำผึ้งนิดหน่อย(หมัก)+น้ำผึ้งทาตอนย่างโดยเทใส่น้ำหมักเลย
  • เกลือนิดหน่อย
  • ซอสหอยนางรม 2 ชต.
  • น้ำนิดหน่อย 2 ชต.
  • น้ำมันงา 1 ชต.

(อันที่จริงแล้วเวลาทำกะเอาทั้งหมดเลย อิๆๆ)ที่ใส่แล้วก็หมักก็มีเท่านี้เอง หมักทิ้งไว้ข้ามคืนเลย มันเข้าเนื้อดีหลังจากนั้นก็เอาออกมาย่าง ทีนี้ใช้วิธีย่างที่เตาอบจนเริ่มจะชินซะละ ง่ายดี เอามาย่างในเตาอบก็เอาตะแกรงย่างวางบนถาดอบอีกที เพื่อให้น้ำไหลออกไปเวลาอบ ประมาณ 325 F ข้างละ 20-25 นาที และก็ broil ข้างละ 5-7 นาที เพื่อให้ผิวนอกมีรอยเกรียมนิดๆ หอมดี ระหว่างนั้นก็เอาน้ำหมักใส่น้ำผึ้งและก็ทาผิวที่ย่างไปด้วย

---------------------------------------------------

เกี๊ยว

  • แผ่นเกี๊ยว(แผ่นเกี๋ยวแบบไข่แถวบ้านไม่มีขาย ได้แต่แบบที่เขาทำเกี๊ยวซ่า ก็เอา เพราะกลัวอด อิๆๆ แผ่นมันเลยหนาเตอะๆไปนิด)
  • ไส้เกี๊ยว=หมูสับ+กระเทียมผง+พริกไทยดำกับลูกผักชีนิดนึงตำละเอียด+น้ำมันหอยนิด+ซีอิ๊วขาว+เบคกิ้งโซดานิดนึง(ทำให้เด้ง)= หมักทิ้งไว้อย่างต่ำ 1 ชม.

ห่อเกี๊ยวไว้ได้เลย

น้ำซุป

วันนี้ง่ายมาก น้ำเดือด+คนอร์หมู แค่เนี๊ยะระหว่างต้มน้ำซุปก็ต้มน้ำอีกหม้อให้เดือดไว้ต้มเกี๊ยว เดือดแล้วก็เอาเกี๊ยวลงต้ม ลอยขึ้นก็ตักใส่น้ำเย็น ตักใส่ถ้วย หั่นหมู ใส่ผักต้ม(มีแต่บ๊อกชอยค่ะ..แค่บ๊อกชอยก็หายากแทบตายแล้วค่ะ..บางครั้งอดอยากจริงๆก็เอาผักกาดขาวแทน อิๆๆ)ก็บอกแล้ววววว ไม่ได้อยู่เมืองไทยอะไรก็ไม่ได้สมบูรณ์ โรยหน้าด้วยหอมกับผักชีหั่นก็คงเริดสุดแล้วอ่ะเนอะส่งสะเบียงให้ซะมีไปทำงานได้อีกต่างหาก อยู่ที่นี่ทำทีละนิดแบบเมืองไทยไม่ค่อยได้ ทำทีทำเก็บใส่ตู้เย็นไว้เลย ปรุงรสตามชอบเน้อ

กระเพราหมูสับไข่ดาว


รู้อ่ะนะว่าใครๆก็ทำกระเพราเป็น แต่ว่าก็อยากเอามาอวดบ้าง เพราะว่าทำบ่อยมากกกก ถึงมากที่สุด เพราะใครล่ะ...สามีอ่ะสิคะ ไหนจะพี่เขยฝรั่ง ชอบจั๊งงงงง แฮ่ะๆๆ แอนน์ก็ชอบนะ แต่ว่าแอนน์เล่นแบบง่ายๆ ก็อย่างว่า อยู่เมืองฝรั่งเขา จะซื้อของไทยๆมากินก็ต้องไปหาซอสเป็นขวดๆมาเก็บไว้ประทังชีวิต ว่าเป็นเล่นไปนะคะ "น้ำพริกผัดซอสกระเพรา..ยี่ห้อแม่ศรี"เนี่ย ต่อชีวิตยามคิดถึงไทยแลนด์ได้มากโขเลยค่ะ มีโอกาสเป็นฉันทนาเข้ากรุงทีไร เป็นต้องเหมาหมดลัง เฮอะๆๆ ก็แหม..ผัดทีเล่นผัดซอสทีละครึ่งขวดค่อยถึงใจ งั้นๆเขียนๆวิธีทำพอเป็นพิธีเนอะ ชาวบ้านชาวช่องเขาทำเป็นกันหมดแหละ
----------------------------------------------------------
เครื่อง
น้ำมัน(อะไรก็ได้..แต่ที่บ้านชอบ..คาโนล่า)กะเอา
กระเทียมสดสับหยาบ 4-5 กลีบ
ซอสผัดกระเพรา 1/2 ขวดเลยยยย
หมูสับ 1 ปอนด์
ซอสหอยนางรม ประมาณ 2-3 ชต.
ซอสภูเขาฝาเขียวปรุงรส ประมาณ 1 ชต.
น้ำตาลนิดนึง(บางบ้านไม่ชอบ ไม่ต้องใส่ บ้านนี้ชอบค่ะ)
ถั่วฝักยาวหั่นเล็กๆก็ราวๆ 1/2 ปอนด์(แต่ที่บ้านชอบเยอะ)
โหระพา ตามชอบ
หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า(ถ้าชอบ) 1/2 ถ้วยตวงก็ได้
วิธีทำ
1.ตั้งน้ำมันร้อนแล้ว กระเทียมตาม เหลืองแล้วลงซอสกระเพรา ตามด้วยหมู
2.ผัดจนหมูสุกดี ปรุงรส ด้วยซอสปรุงรส ซอสหอยนางรม และ น้ำตาล
3.เติมผักถั่วฝักยาว ผัดแป๊บปิดไฟได้เลย แต่ที่บ้านเป็นเตาไฟฟ้าแบนๆอ่ะ ปิดเตาแล้วความร้อนก็ยังคงอยู่ก็มักจะใส่ผัก แล้วปิดไฟเลยทันที แล้วก็ผัดต่อทั้งที่ปิดไฟอ่ะแหละ สามีไม่ชอบผักสุกมาก และก็ตามด้วยหอมขาวได้เลย ตบท้ายด้วยโหระพา
4.ไปทำไข่ดาวได้เลยคับ ตักข้าวสวยใส่จาน ราดกระเพรา โปะด้วยไข่ดาว แล้ว...ถ่ายรูป เอ๊ย...ไม่ใช่ ทานได้เลยค่า
---------------------------------------------------------
เวลาทำเลี้ยงครอบครัวที ที่ไม่ใช่แค่สองสามีภรรเมีย ก็จะทำทีละเป็นถาดใหญ่ๆแบบนี้ เพราะพวกพี่ๆเขาก็อยากเอาใส่กล่องไปทานที่ทำงานด้วยงัย คุ้มเนอะ เนื้อปอนด์เดียว 2 เหรียญเอง ซอสขวดละไม่เท่าไร ราดข้าวได้ตั้งหลายจาน
---------------------------------------------------------
หมายเหตุ
อันที่จริงแล้ว ร้านน้าที่เขาทำขายอ่ะ เขาก็ทำซอสเองแหละ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสผัดใส่โหลไว้ผัดกินซักกะที อะไรก็ไม่พร้อมงัย แต่คงต้องมีซักวันแหละที่ได้มีโอกาสทำใส่ขวดโหลไว้ หรือกระปุกพลาสติคแช่แข็งไว้เลยก็ได้ น้าเขาบอกมาคร่าวๆอ่ะนะ ตามนี้นะ
---------------------------------------------------------
ซอสผัดกระเพรา
(โหระพาเสียมากกว่าแหละ..แต่ฝรั่งอ่ะเขาไม่มี หรือมีเขาก็ว่าฉุนเกิน คนไทยที่นี่เลยเอาโหระพามาติ๊ต่างเป็นกระเพรา ซึ่งต้นตระกูลมันก็เหมือนกัน แต่คนละสายพันธุ์แค่นั้นเอง กระเพรามีชื่อว่า..holy basil มีความเผ็ดร้อนอยู่ที่ลำคอ อร่อยยยยยเหลือหลาย และโหระพามีชื่อว่า..sweet basil อันนี้ไม่มีความเผ็ดร้อน แต่ความหอมก็หอมเด่นเฉพาะตัว)
++++++++++
พริกแห้งเม็ดใหญ่
กระเทียม
หอมแดง
ใบมะกรูด
ข่า
ตะไคร้
ก้านและใบโหระพาสด
++++++++++
ทั้งหมดปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาผัดกับน้ำมัน เติมเกลือ(เขาว่ากันบูด) พักไว้ให้เย็น ใส่ขวดโหล เก็บไว้ทานได้เลยค่ะ หอมค่ะ ไม่น่าเชื่อ(ดมจากที่ร้านแหละค่ะ อิๆๆ) ยังไม่เคยทำนะคะ จึงบอกปริมาณแต่ละอย่างไม่ถูก ใครอยากลองก็ลองแล้วกันค่ะ ตอนนี้แอนน์ก็ซื้อขวดๆของ"แม่ศรี"ไปพลางๆก่อน ได้โอกาสเมื่อไรก็จะลองผัดเองดู

พอร์คชอพรสหมูปิ้ง


รูปมันก็หลายเดือนแล้ว แต่ว่าความอยากก็ยังอยู่ ขอเอามาลงย้อนหลัง(ยังมีอีกเยอะคับ ) เพราะเมื่อไม่กี่วันได้เอาข้าวผงกระหรี่ขิงมาลง แล้วก็ตอนนั้นได้ใช้กินกับหมูปิ้งไปด้วย(มั่วซะไม่มี)เลยเอามาลงซะให้เสร็จๆไป แม้ว่ารูปร่างจะไม่ใช่ แต่รสชาดใช่เลยนะคะ แต่ในใจแอบคิด ถ้านึ่งข้าวเหนียวแล้วใส่ถุงพลาสติคถุงเล็กๆ มาพร้อมกับหมูปิ้งเสียบไม้เล็กๆ คงจะเป็นสวรรค์บ้านนา(ฝรั่ง)อย่างดีทีเดียว แต่ว่า...มันไม่ใช่บ้านเรา อิๆ มีไรตอนนั้นก็ต้องขัดไปก่อน
ตอนนั้นจำได้เคยดูมาจากหลายสูตร สุดท้าย มั่วไปหมด เอาหลักๆ เพราะแต่ละอันก็ไม่เหมือนกันเลย
--------------------------------------------------
เครื่อง
หมู-จริงๆก็สันในอ่ะนะเขาว่าดีที่สุด แต่ไม่มีอ่ะ มีไรก็ต้องงัดมาใช้ก่อน แก้ขัด ตอนนั้นมีอยู่ 4 ชิ้น
รากผักชี+กระเทียม+พริกไทย-อันนี้มีแต่เม็ดผักชีก็ต้องทำรวมกันไปเอากลิ่นเอา
ซีอิ๊วขาว-เหยาะลงไปพอเคลือบอ่ะนะ กะเอา หลักของตัวเองคือใส่ซีอิ๊วขาวก่อนเครื่องอื่น เพื่อจะได้ดูว่ามันไม่มากไป ให้เอาแบบพอดีซึมเข้าเนื้อหมู ถ้าหากมีน้ำซีอิ๊วขาวไหลออกมาเยอะ แสดงว่าต้องเค็มแน่ๆ อิๆๆ งงป่ะ อ่ะนะ อย่างงเลย สรุปคือ กะเอาแหละ
ซีอิ๊วดำ-อย่าใส่มาก เดี๋ยวดำไป ให้พอเป็นสีน้ำตาลสวยๆก็พอ
น้ำตาลทราย-1 ชต.โดยประมาณ แต่แอบใส่น้ำผึ้งด้วย ชอบหวานหน่อยอ่ะ
น้ำมัน-เขาว่าใส่แล้วนุ่ม ใส่ไปนิดนึง
กะทิ-นิดนึง เขาว่าใส่แล้วนุ่มเหมือนกัน หรือ นม ว่างั้น แต่ใส่กะทิดีกว่า
---------------------------------------------------
เท่าที่จำได้ก็มีแค่นี้นะ หมักไว้ตั้งแต่เช้า ตอนเย็นก็เอาเข้าเตาอบ อบ 325 F ตั้งบนตะแกรง แล้วรองด้วยถาดให้น้ำหมูหยดอีกทีนึง ซักประมาณ 15 นาที ก็มากลับด้าน ระหว่างนั้นทาน้ำหมักที่เหลือด้วย อีก 15 นาที แล้วก็เปิดไฟ broil เผาหน้าหน่อยซักด้านละ 3-5 นาที พอให้ดูเหมือนย่างมา ก็เสร็จแล้ว
อันที่จริงในรูปที่ถ่ายเป็นการอบจริงๆ คืออบปิดฟอล์ย และเคยลองทำแบบย่างเตาอบแบบข้างบน ชอบแบบข้างบนมากกว่าการอบธรรมดา เพราะมันเหมือนย่างมากกว่า การอบปิดฟอล์ยไม่ได้อบบนตะแกรง น้ำเยอะไป รสชาดใช่ แต่มันไม่เยิ้ม ไม่มัน อิๆๆ ถ้าหมูติดมันก็สุดยอดเนอะ

Beef Cashew Nut


จานนี้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจาก อยากกินไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แล้วก็ไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง มีอยู่แค่ เนื้อ ผักบางอย่าง น้ำพริกเผา เลยออกมาเป็นเนื้อผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์แบบตามมีตามเกิดเหมือนเดิมค่ะ
--------------------------------------------------
เครื่อง
เนื้อ-ประมาณ 1 ปอนด์ หั่นเป็นชิ้นๆพอคำไม่บางมาก แล้วหมักเบคกิ้งโซดานิดนึงกับน้ำมันนิดหน่อย
น้ำมัน-แล้วแต่จะใช้ บ้านนี้ชอบคาโนล่า
กระเทียมสดสับหยาบ-ซัก 4-5 กลีบ ชอบกระเทียมมากอ่ะ
น้ำพริกเผา-ประมาณ 2 ชต.
พริกหวาน-สีแดงหรือสีเขียว หรือสีตามชอบหั่นเป็นสี่เหลี่ยมพอคำ
แครอท-หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
พริกแห้ง-ตัดเป็นท่อนๆ(บางทีก็ไม่มี แพงก็ไม่ใส่)
ต้นหอม-หั่นเป็นท่อนๆ
เครื่องปรุงรส-ที่บ้านใช้ น้ำมันหอย ซีอิ๊วภูเขาทองฝาเขียว น้ำตาลนิด
วิธีทำ
1.ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อนใส่กระเทียมพอเหลืองๆหน่อยก็เติมเนื้อลงไปผัด
2.เนื้อเริ่มสุก เติมน้ำพริกเผา คนให้เข้ากัน เติมเครื่องปรุงรสนิดหน่อยก่อน เพราะว่าน้ำพริกเผาแต่ละเจ้าไม่เหมือนกัน บางเจ้าก็ไม่หวาน บางเจ้าก็หวาน และมีรสชาดอยู่แล้ว ถ้าไม่พอค่อยปรุงเพิ่มทีหลัง หลังจากเนื้อสุกดีค่อยชิม
3.เติมแครอทลงไปก่อน สักพักก็ค่อยใส่พริกหวานตามไป ปิดไฟได้เลย และเติมพริกแห้งต้นหอมตามลงไป คนให้เข้ากัน ถ้าเราไม่ปิดไฟ เคยทำแล้วผักมันเละเหี่ยวเกินไป ไม่น่ากินเลย
--------------------------------------------------
แค่นี้ก็ได้ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แบบไกลๆบ้าน หรือแบบอะไรก็ได้ที่เรามีอยู่มาทาน เป็นหนึ่งในอาหารโปรดของครอบครัว
พวกแห้ว เม็ดแป๊ะก๊วย(ใช่ป่าวนะ)...สามีไม่รู้จัก และทานไม่เป็น ไม่ชอบแห้ว ไม่รู้จักแป๊ะก๊วย ก็เลยไม่ได้ใส่ลงไป ตามใจท่านค่ะ อิๆๆ แต่บางครั้งเราก็เอาไก่หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋ามาผัด ก็อร่อยมากๆ หายคิดถึงบ้านไป 5 เปอร์เซ็นต์ ฮ่าๆๆ ถึงจะไม่เหมือนของแท้ๆ แต่ว่าก็ทำให้หายอยากไปหลายวันเหมือนกัน

Aroma Ginger Rice


ก็มั่วจริงๆอย่างที่เขียนไว้ที่รูปเลย คือมีผงกระหรี่อินเดีย ไม่ใช่ของไทยนะ พี่สาวสามีเขาให้มา เพราะเขาใช้ไม่เป็น ไม่รู้จะใช้ยังงัย เรามันก็งก รับหมด แต่ไม่รู้จะทำยังงัย ก็เลยเอามาลองกับข้าวหุงธรรมดา ประมาณข้าวหุงข้าวมันไก่อ่ะ แล้วก็มันก็ต้องนึกถึง"ข้าวหมกไก่"ด้วยใช่ม๊า ถ้ามันเหลืองอ่ะ แต่ก็ไม่ได้อยากทานงัย เลยเอาน่ะ เอาข้าวเหลืองๆเนี่ยแหละทาน
------------------------------------------------
อันที่จริงเคยดูทีวีฝรั่ง น่าจะเป็น Foodnetwork เนี่ยแหละ เขาก็มีชื่อข้าวหุง(ไม่มีผงกระหรี่) ใส่ขิงอะไรแบบเนี๊ยะ จำไม่ได้หรอก แต่จำชื่อได้งัย เลยเอานะ ขอชื่อมาใช้หน่อยแล้วกัน ออกมาเป็นชื่อ"อโรมา จิงเจอร์ ไรซ์" อิๆๆๆ ตั้งเท่ห์ๆไปงั้น แต่จริงๆก็ลูกครึ่งๆข้าวมันไก่ หรือข้าวหมกไก่นั่นแหละ เลยไม่รู้จะเอามาใส่หมวดอาหารอะไรดี ข้าวก็ข้าวของไทยนี่เนอะ
เอาเป็นอาหารไทยแล้วกันน่ามาดูกันว่าใส่อะไร แล้วจะบอกว่า"อ๋อ"เลยล่ะ
--------------------------------------------------
เครื่องปรุง
ข้าว ประมาณ 4-5 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า ก็เท่ากับหุงข้าวทุกครั้งแหละเกลือนิดหน่อย พอให้รสชาด
กระเทียมกลีบผ่าครึ่งสัก 4-5 กลีบ
ขิงหั่นแว่นสัก 4-5 ชิ้น
น้ำมันมะกอก ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ กะๆเอาค่ะพองาม
ผงกระหรี่ 1-2 ช้อนชา(มันไม่ค่อยเหลืองอ่ะ เป็นของอินเดียว่างั้น)
วิธีทำ
ไม่ยากค่ะ ก็เอาทุกอย่างหุงรวมกันเหมือนตอนทำข้าวมันไก่ ไม่ต้องผัดอะไรให้มันยาก ล้างหั่นเสร็จก็หุงตามปรกติเลยค่ะ คนๆให้เข้ากันหน่อย ให้กระเทียม ขิง มันกระจายทั่วพื้นที่ จะได้ทำงานสะดวก หอมมมมมมมงัยคะ
พอข้าวเริ่มสุก เครื่องเริ่มร้อง วี๊ๆๆๆๆ กลิ่นก็มาด้วยค่ะ หอมเชียวแหละ มั่วๆก็อร่อยได้เหมือนกันนะ หม้อเรามันเก่า ของราคาถูกอ่ะ ไม่ใช่อุ่นทิพย์ เราเลยต้องมีทริคหน่อย ตอนข้าวมันสุก มันเด้งแล้วทิ้งไว้ 2-3 นาทีก็ถอดปลั๊กเลย แล้วก็คนๆๆเข้าให้มันร่วนๆอ่ะ ไม่งั้นหม้อเก่าๆอย่างเราทิ้งไว้ในเครื่องก็ข้างล่างก็มีรอยไหม้เป็นสีน้ำตาลค่ะ ถ้าเรายกหม้อออกจากตัวเครื่องเลย แล้วก็เสยข้าว(ภาษาอีสานแถวบ้านหรือปล่าวไม่รู้นะ)หรือฝรั่งเรียกว่า fold อ่ะ รับรองไม่มีรอยสีน้ำตาลเลย ส่วนใครมีหม้อดีๆก็ไม่เห็นต้องกังวลเนอะ เมื่อไรน๊าจะมีตังค์ซื้อหม้อละ 100 ซะที

แกงเขียวหวานไก่


เครื่อง
เครื่องแกงเขียวกระป๋อง 1 กระป๋องเล็ก(แม่ศรี)
กะทิกระป๋อง 1-2 กระป๋อง อันนี้แล้วแต่ชอบอ่ะ
น้ำมันคาโนล่านิดหน่อย
น้ำปลาปรุงรสตามชอบ
น้ำตาลนิดหน่อย
น้ำมันหอย(แอบใส่ไปหน่อยเติมรสอร่อย)บางคนอาจไม่ใส่
เนื้ออกไก่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า(หรืออยากหั่นยังงัยก็แล้วแต่)
peas and carrots แบบแช่แข็งมาแล้ว ง่ายๆ ติ๊ต่างว่าเป็นมะเขือพวงค่ะ เขียวๆเล็กๆอ่ะ ส่วนแครอทสร้างสีสันค่ะ
หน่อไม้ 1 กระป๋องขนาด 15 ออนซ์โดยประมาณ
บวบเหลืองฝรั่ง(yellow squash)หั่นพอคำ รสชาดแทนมะเขือได้ แม้สีจะไม่ให้เท่าไร
ถั่วฝักยาว ตัดเป็นข้อๆตามชอบ
โหระพา พระเอกตัวจริงเสียงจริง ขาดก็เหงาตายค่ะ
วิธีทำ
1.เอาน้ำมันลงหม้อ แล้วก็ตามด้วยเครื่องแกง ผัดให้หอม
2.เติมเนื้อไก่ลงไปผัดให้สุก แล้วตามด้วยกะทิ(แต่บางทีก็เติมกะทิก่อนแบบให้กะทิเดือดๆจนแตกมันแล้วค่อยเติมไก่ แล้วแต่บางทีอ่ะ)แล้วเติมหน่อไม้
3.เดือดแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ตามชอบ(ขอแหวกใส่น้ำมันหอยนิดหน่อยเพื่อความมันในอารมณ์) บางคนไม่ชอบน้ำตาลเขาก็ไม่ใส่ แต่บ้านนี้ชอบค่ะ
4.ตามด้วยถั่วฝักยาว เม็ดถั่วลันเตากับแครอทซึ่งล้างน้ำไว้แล้ว สัก 2-3 นาทีก็เติมบวบฝรั่งได้เลย ปิดไฟเลยไม่งั้นเละไปค่ะ
5.เอาโหระพามาใส่ๆคนๆลงไปเลยค่ะ ตามชอบตามสะดวก
หมายเหตุ
เท่าที่เคยทำมาอ่ะ กะทิมันก็มีหลายแบบ แต่ละแบบก็เลือกใช้ต่างกัน บางชนิดทำไว้เพื่อของหวาน บางชนิดทำไว้เพื่อแกงเผ็ดแบบนี้ แต่หลายๆชนิดก็ไม่ได้บอกว่าเพื่ออะไร อะไรก็ได้ แต่ว่าส่วนใหญ่มันไม่ใช่แบบมันเข้มข้น หรือหัวกะทิอ่ะ ถ้าอยากได้แบบมันๆก็ต้องกะทิแม่พลอยแบบมันเข้มข้น อันนั้นน่ะ น้ำมันออกจากกะทิเงาสวยมาก หอม แต่ถ้าเราใช้แบบอื่น แบบอะไรก็ได้ถูกไว้ก่อนอ่ะ ก็จะไม่ค่อยมันเท่าไร ต้องอาศัยเติมน้ำมันคาโนล่า หรือน้ำมันมะกอกเอาอ่ะ ต้องยอมหน่อยถ้าอยาก"มัน" อิๆๆเท่าที่ชอบของเรากะสามีเนี่ย กะทิ 1 กระป๋อง ต่อ เครื่องแกง 1 กระป๋องค่ะ เพราะสามีทานเผ็ด พอดีเลยค่ะ และขาดไม่ได้คือถั่วฝักยาว สามีบอกเข้ากันดี๊ดีกับแกงเขียวหวานแหละ
แม้จะไม่ถูกต้องตามหลักอาหารไทยแบบออริจินัลนัก แต่ก็อยู่ไกลๆบ้านแบบนี้ หายอยากได้สบายเลยค่ะ สามีไม่ชอบไปที่อื่นเลยแหละ อาหารไทยเนี่ยยึดสามีไว้กับเราเลย อิๆๆ อิ่มอร่อยกันถ้วนหน้า

ถั่วต้มน้ำตาล


ลองทำดูแล้วมันอร่อยก็เลยทำอีกเป็นหม้อ ยังไม่ทันเบื่อ เลยเอามาให้ชื่นชมเสียก่อน หน้าตามันอาจดูเฉยๆนะคะ แต่ว่าอร่อยค่ะ จะเอาไปกินกับไอติม(ต้มให้ข้นกว่านี้)หรือจะกินกับของหวานชนิดไหน หรือบัวลอยญีปุ่น(dango) ราดน้ำแข็ง แต่ที่ชอบสุดๆนะคะ ชอบใส่ผสมกับนม อร่อยดีค่ะ
เครื่อง
ถั่วเขียวดิบ ตามชอบ
ถั่วแดงญี่ปุ่น ตามชอบ(ไม่มีก็ไม่ใส่..แต่มีเลยใส่)
เกลือนิด
น้ำตาลหน่อย
น้ำตาลเทียม Splenda
วิธีทำ
เอาแบบลัดๆเลยนะ เพราะว่าไม่ได้แช่ แต่ต้มไปเลย ไม่ได้ห่วงสวย เพราะหิวอ่ะค่ะ ฮ่าๆๆ ล้างอย่างดี คัดเมล็ดเสียๆออกไปทิ้ง ก่อนจะล้างน้ำนะคะ แล้วก็เอามาต้มใส่หม้อ ให้น้ำท่วมเมล็ดซัก 3 เท่าเลยแหละ แต่ให้แยกต้มนะคะ ต้มถั่วแดงก่อน เพราะถั่วแดงญี่ปุ่นสุกยากกว่าถั่วเขียวไทยเรา
ต้มไปเรื่อยๆจนถั่วแดงเริ่มสุกแต่ไม่สุกดี คือยังแข็งอยู่บ้างนิดหน่อย ก็เติมถั่วเขียว(ถ้าต้มแยกก็คงง่ายกว่ามั๊ง แต่นี่มักง่ายอ่ะ เปลืองหลายทีเลยต้มแบบนี้) แล้วก็ต้มจนเกือบสุก ก็เติมเกลือ น้ำตาลเทียมสเปลนด้า และน้ำตาลจริงๆ เพื่อให้รสชาดเหมือนจริงหน่อย ยังงัยน้ำตาลจริงก็อร่อยกว่า แต่เพื่อระมัดระวังเรื่องน้ำตาลก็คงต้องใช้ของเทียมเข้าช่วยอ่ะเนอะ ไม่งั้นบานกว่านี้แน่เลย ฮ่าๆๆ
ชิมได้รสที่พอใจ ต้มไปสักพัก ชอบแบบไหน คงเมล็ดสวยๆก็ทำไป แต่ที่ต้มนานหน่อย เละหน่อย เพราะว่าไปดัดฟันมา เจ็บปวดรวดร้าวมากมาย เคี้ยวไม่ได้เลยต้องให้มันเละหน่อย จะได้ไม่ต้องเคี้ยว อีกอย่างนะที่ลดน้ำตาลเพราะว่ามันไม่ดีสำหรับการดัดฟันอ่ะ เดี๋ยวมันไปเกาะเดี๋ยวฟันผุ อิๆๆ เด็กดี เชื่อหมออ่ะ
เป็นงัยล่ะเมนูสุดมั่ว แต่ก็อร่อยได้ เพื่อสุขภาพ เวลาชงกับนมหรือน้ำเต้าหู้นะ อร่อยมากที่สุดเลยแหละ
แล้ววันหลังจะมีเมนูมั่วๆมาให้ดูอีก อิๆๆ เพื่อความบันเทิง เปลี่ยนอารมณ์อ่ะนะ อย่าคิดมากว่าจะต้องตามสูตร เป็นเหมือนของจริงตลอดไป แค่เอามาแบ่งปันไอเดียกันสนุก ไม่น่าเบื่อ เอนจอยอีตติ้งกันทุกๆคนค่ะ

Candied Jalapenos with Creamcheese and Crackers


อันนี้เป็นของเก่าเอามาเล่าใหม่ค่ะ พอดีนึกขึ้นได้เมื่อเวบคุณเฮียแมว แห่ง wasusin.com เขามีกิจกรรมทำอาหารจากครีมชีสเลยขุดเอาภาพเก่ามาเล่าเรื่องใหม่ แต่มีกินจริงๆได้ทุกวัน เพราะทำใส่กระปุกไว้ในตู้เย็น เก็บไว้กินตลอดชาติ ฮ่าๆๆ
อยากจะบอกว่าจริงๆแล้วลืมวิธีทำไปแล้วอ่ะ เพราะว่าไม่ได้จดไว้ จะถามแม่ย่าก็ไม่ได้ เพราะท่านเพิ่งจะเสียไปไม่นาน เวรกรรม เคยมีบทสนทนากับกิ๊ฟ-แมวอ้วน ก็นานตั้งแต่ชาติที่แล้ว เลยคราวนี้ต้องมาระลึกชาติกัน ผิดๆถูกๆ แต่ได้ไปดูในเวบฝรั่ง เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้มีมากขึ้น และแล้วเลยได้เวลามาขอเสนอ เมนู"ครีมชีส"ด้วยคนค่ะ ซึ่ง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับครีมชีสใช่ไม๊คะ ฮ่าๆๆ หยวนๆนะคะ
ส่วนความอร่อย อันนี้กิ๊ฟ-แมวอ้วน แม่บ้านสมองไว การันตีไว้เมื่อชาติที่แล้วเช่นกันค่ะ ถึงกับสั่งพริกข้ามประเทศกันเลยทีเดียว เอิ๊กๆๆๆ ป่านนี้พริกออกลูกออกหลานจนเจ้ากิ๊ฟกินไม่ไหวแล้วมังคะ
เครื่องปรุง(กะเอาเอง)
พริกฮาลาพีโน่หั่นแว่นกลมๆไม่บางมาก จำนวนพอประมาณตามชอบคับท่าน หรือ 1 ถต.
น้ำตาล ประมาณ 1/2 ถต.
เกลือนิดหน่อย(หวานอย่างเดียวจะไปอร่อยอะไรคะ)
น้ำส้มสายชูนิดนึงผสมน้ำได้ 1/4 ถต.
วิธีทำ
ที่จำได้ ตอนที่แม่ย่าทำให้ดู เขาแค่เอาเครื่องผสมทั้งหมดมาใส่ในขวดโหลใบเล็กๆ แล้วก็ใส่ถุงมัดปากทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องราวๆอาทิตย์หนึ่ง เวลาเดินผ่านครัว มาทำอะไรก็คว่ำขวดโหลลง เดินไปไหน กลับมาอีกทีก็มาหงายกลับขึ้น ทำไปทำมาจนชิน ครบอาทิตย์ก็เอาไปใส่ตู้เย็นได้เลย น้ำตาลละลายหมดพอดี ไว้อีกหลายวันเอาออกมาชิม ได้ที่แล้วก็เอามาราดบนครีมชีส เสิร์ฟพร้อมกับแครกเกอร์คู่ลิ้น ทั้งหวาน มัน เผ็ด กลมกล่อม เวลาตัก เอามีดตัดชีสตามด้วยพริกซักคำปาดลงบนแครกเกอร์ แล้วก็ อ้ำ.....
แต่ก็เคยคิดจะทำแบบลัดๆคือต้มเหมือนน้ำเชื่อมให้เย็น แล้วก็ค่อยเอาพริกสดตัดมาใส่ในโหลคงจะเร็วกว่า ทิ้งไว้นานๆเข้าเนื้อก็เป็นแคนดี้หวานๆแล้วอ่ะ แต่ว่าก็ไม่ได้มีโอกาสลอง เพราะว่าที่ทำไว้ยังเหลือมาถึงทุกวันนี้ เพราะกินคนเดียว กลัวอ้วนนนนนกว่านี้
หมายเหตุ
(บางสูตรมีการเติมสีเขียวผสมอาหารลงไปเพื่อความสวยงามด้วย บางสูตรมีการต้มของเหลวกับพริกด้วย แต่สูตรของแม่ย่าเนี่ย เข้าใจว่าเพื่อความกรอบ เลยไม่มีการต้มแต่อย่างใด)

15 Bean Soup



ก่อนจะมาเป็นซุปชนิดนี้ เกิดจากการเป็น"นางสาวสุขภาพ"มาก่อนค่ะ คืออ่านนู่นนี่ก็เลยสรรหาของที่คิดว่าเป็นประโยชน์มาทาน เขาบอกว่าถั่วดี เป็นแป้งชนิดดี มีโปรตีนเยอะ ไฟเบอร์ก็แยะ ไกลซีมิคไม่สูง น้ำมันจากเขาก็เป็นน้ำมันชนิดดี เป็นชนิดอิ่มตัว แล้วพอไปตลาดไปเจอเจ้าถุงนี่ก็เลยซื้อมาลองเขาบอกว่า 15 ชนิด ยี่ห้อ Hurst's HamBeens Brand เลยซื้อมาลองตามตำราเขาเสียหน่อย เอามานั่งนับดูว่ามันจะครบ 15 หรือ จะเกิน 15 ฮ่าๆๆ ตลกตัวเอง สนุกๆอ่ะ สงสัยจะว่างจัด หาแทบตาย ได้มาครบ 15 แต่ไม่มีเฉลยมาให้ว่า ถูกต้องหรือปล่าว เอิ๊กๆๆๆ

มาดูกันว่ามีถั่วอะไรบ้าง ข้างถุงบอกว่า....
northern
pinto
large lima
blackeye
garbanzo
baby lima
green split pea
kidney
cranberry beans
mall white
pink bean
small red
yellow split pea
lentil
navy
white kidney
black bean
yellowpearl barley

ไหง มี 19 อย่างอ่ะ สงสัยว่า บางชนิด เช่น ไลม่าบีนเนี่ย มันมี 2 ไซส์ งัย อ่ะนะ แต่เท่าที่เรียบเรียงรูป รู้แล้ว ไม่ถูก อิๆ แต่หยวนๆ




ว่าแล้วก็มาลองตามตำราที่เขาให้มาดู เป็นดังนี้ค่ะ

เครื่องปรุง

1 lb. of ham, ham hock, or smoked sausage (แฮม หรือไส้กรอกรมควัน)
1 cup onion, chopped (หอมหัวใหญ่ สับหยาบ)
1 15 oz.can stewed of diced tomatoes (มะเขือเทศหั่นแบบกระป๋องทั้งกระป๋อง แอนน์ไม่มี ก็เอาซัลซ่ามาใส่แทน เผ็ดเลยยยย แต่อร่อย)
1 tsp chili powder(พริกป่นแบบเม็กซิกัน หรือของฝรั่ง ไม่ค่อยเผ็ดอ่ะ)
Juice of 1 lemon(น้ำมะนาวบีบทั้งลูก เอาเม็ดออกด้วยนะอย่าลืม)
1-2 cloves garlic, minced(กระเทียมสับ 2 กลีบ)

วิธีทำ

1.คัดเลือกเมล็ดถั่วที่ไม่ดี หรืออาจจะมีหินติดมาด้วย คัดออกทิ้งค่ะ
2.แล้วก็ล้าง แช่น้ำค้างคืน อย่างน้อย 8 ชม.
3.ได้แล้วเอามาล้างออกอีกนิด เทน้ำทิ้ง แล้วเติมน้ำใหม่ประมาณ 2 ควอท(เดาๆเอาแหละค่ะ พอเกินถั่วขึ้นไปซัก 2 นิ้วก็ได้มัง แล้วก็ต้มพร้อมกับแฮมหรือไส้กรอกรมควัน
4.ต้มจนเดือด แล้วก็ผ่อนไฟลงอ่อนถึงปานกลาง ไม่ปิดฝาหม้อซัก 2 ชม.ครึ่ง
5.ถั่วได้ที่แล้วก็เติมหอมหัวใหญ่ มะเขือเทศกระป๋องหั่น พริกป่น น้ำมะนาว และกระเทียม ต้มไฟอ่อนไปอีก 30 นาที
6.ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย (ถ้าเขามีผงปรุงรสแฮมมาก็ใส่ลงไปด้วย)แล้วชิมตามที่ชอบ

หมายเหตุ

ถ้าหากไม่อยากแช่ถั่วก็สามารถทำได้ โดยการคัดเมล็ดเหมือนเดิม และก็ล้างให้สะอาด เอามาต้มเลย ต้มเป็นชั่วโมงเลย และน้ำที่เติมสำหรับต้มก็มากกว่าเดิมหน่อยอีกครึ่งเท่า แล้วค่อยต้มพร้อมไส้กรอก เครื่องปรุงต่างๆ ต้องตักถั่วออกมาชิมอ่ะค่ะ ถึงจะรู้ แต่ของตัวเองต้มนานจนเละ เพราะว่าช่วงนี้ใส่เหล็กดัดฟัน มันปวดฟัน ต้องทานเละๆ เลยต้มซะ 3 ชม.เลยออกมาก็อร่อยถูกใจดีหรอกค่ะ แต่ว่าไม่ชอบสโมคไส้กรอกอ่ะ ถ้าจะให้ดีลอกหนังออกดีกว่า แต่ถ้าจะให้ดี เป็นเนื้อไก่คงจะอร่อย แต่ต้องใส่ไส้กรอกดึงรสชาดไส้กรอกออกมาที่ซุปก็จะดี แต่จะให้ดีอย่าทำทั้งหมด ทำแค่ครึ่งหนึ่งจะดีกว่า ไม่งั้นไม่มีคนทานช่วย เพราะมันเยอะ ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวเห็นเยอะๆกลายเป็นไม่อร่อย แต่ความจริงมันอร่อยอ่ะนะ เลยทีนี้ต้องใส่ฟรีซเซอร์ไว้ทานวันหลังเอาอ่ะ

นี่แหละที่มาของ"ซุปถั่วฝรั่ง 15 ชนิด" ซึ่งมีประโยชน์ดีมากๆ แต่ก็ทานเยอะก็ต้องระวังเหมือนกัน






Honey Mustard Chicken



เครื่องมีดังนี้ค่ะ

ไก่อก(ไม่หนัง) 6 ชิ้น
whole grain mustard 2 tsp หรือมัสตาร์ดธรรมดาก็ได้
honey 4 tsp
red wine vinaigrette dressing 2 tbs
เกลือ พริกไทย .. ตามชอบ

วิธีทำ

ละลายรวมกันค่ะ ตั้งเตาสักนิดพอละลายก็ได้ค่ะ ทางที่ดีชิมก่อนก็ดีค่ะ เดี๋ยวเค็มไป ชอบรสไหนก็ปรับแต่งเอง เพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกันค่ะ แล้วก็ราดไปบนไก่ที่เราล้างสะอาดแล้ว แล้ววางบนถาด แล้วก็เอาส้อมจิ้มๆๆไก่ ให้น้ำหมักซึมเข้าไปทั่วๆหมักไว้อย่างต่ำ 3 ชม.หรือค้างคืน ไม่ชั่วคราว เด็ดสุดค่ะขอบอกแล้วพอหมักได้ที่ ก็เอาไปย่างได้เลยค่ะ แล้วก็....ทานได้เลย ทานกับข้าวโพดของชอบของเรา เราชอบที่สุดเลย แล้วก็ถั่วฝักยาว หรือบล๊อคโคลี่ แครอท สลัด จ๊ากๆๆๆ อร่อยสุดค่า(ของเรานะ)

เคล็ดลับ

การที่เราใช้มัสตาร์ด ถ้าเราใช้ที่มีเม็ดมัสตาร์ดด้วย ทำให้เราจินตนาการไปถึงว่าเราได้ทานเม็ดพริกไทยอ่อนด้วยแน่ะ ทำให้หายคิดถึงเมืองไทยไปได้บ้างนะคะ อันนี้คิดเองค่ะ ไม่เกี่ยวกับใคร บางทีคนอื่นอาจคิดไม่เหมือนกันอ่ะค่ะ

ครีมข้าวโพด Cream Style Corn

เมนูนี้เป็นเมนูที่ทานกับอาหารคาวค่ะ เช่นพวกสเต๊ก พอร์คชอพ ไก่อบ ฯลฯ ได้ทุกอย่างค่ะ แล้วยังเป็นของหวานได้ด้วยนะคะ



เครื่องมีดังนี้ค่ะ

1. ข้าวโพดค่ะ จะซื้อมาเป็นกระป๋อง(whole kernel)ก็ได้ค่ะ หรือซื้อมาสดๆก็ต้มแล้วก็ฝานค่ะ 2 กระป๋องหรือสัก 4-5 ฝักได้ค่ะ ถ้าเป็นกระป๋องเก็บน้ำข้าวโพดไว้ด้วยค่ะสัก 1 ถ้วยตวงโดยประมาณ ถ้าใช้สดๆก็เติมนมแทนน้ำข้าวโพดค่ะ
2.เนย(เป็นก้อน)หรือมาการีน(เนยกระป๋องทั่วไป)สัก 2 ช้อนกินข้าวนี่ล่ะ แล้วแต่ชอบ ผอมๆก็ใส่ไปเยอะๆอร่อยดี
3.แป้ง all-purpose หรือแป้งมันก็ได้ค่ะ สัก 1 ช้อนทานข้าวนั่นแหละค่ะ
4.น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
5.พริกไทย 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1.เอาเนยตั้งกระทะและใส่แป้งลงไปด้วย จนเนยละลายและเข้ากับแป้งดีแล้วก็เทข้าวโพดกระป๋องลงไป แยกน้ำข้าวโพดไว้ก่อนนะคะ
2.คนให้เข้ากันแล้วก็เติมน้ำข้าวโพด หรือ นม ลงไป แล้วเติมน้ำตาล กับ พริกไทยลงไปค่ะ คนไปเรื่อยๆสักประมาณ 10-15 นาทีด้วยไฟอ่อนถึงปานกลางค่ะ แล้วก็ยกลงเตรียมทานได้เลย

**แต่ที่บ้านนี้ชอบกินใส่พริกหวานหั่นเต๋า กับหอมหัวใหญ่หั่นเต๋าด้วยค่ะ ก็อร่อยไปอีกแบบ
**ถ้าหากเราอยากทำทานกับไอติม ราดไอติม ก็ไม่ใส่พริกไทยนะคะ เคยทานที่ร้านกาแฟ black canyon ที่เมืองไทยอ่ะ เสิร์ฟกับไอติมวนิลาหรือกาแฟ แล้วเอาครีมข้าวโพดราดลงไป ก็อร่อยดีเหมือนกันค่ะ



แอนน์ชอบข้าวโพด แล้วแบบนี้มันทานง่ายงัย ไฟเบอร์ก็เยอะ กินแทนข้าวเลย อิๆๆ ชอบจัด

Aroma Ginger Rice



ก็มั่วจริงๆอย่างที่เขียนไว้ที่รูปเลย คือมีผงกระหรี่อินเดีย ไม่ใช่ของไทยนะ พี่สาวสามีเขาให้มา เพราะเขาใช้ไม่เป็น ไม่รู้จะใช้ยังงัย เรามันก็งก รับหมด แต่ไม่รู้จะทำยังงัย ก็เลยเอามาลองกับข้าวหุงธรรมดา ประมาณข้าวหุงข้าวมันไก่อ่ะ แล้วก็มันก็ต้องนึกถึง"ข้าวหมกไก่"ด้วยใช่ม๊า ถ้ามันเหลืองอ่ะ แต่ก็ไม่ได้อยากทานงัย เลยเอาน่ะ เอาข้าวเหลืองๆเนี่ยแหละทาน

อันที่จริงเคยดูทีวีฝรั่ง น่าจะเป็น Foodnetwork เนี่ยแหละ เขาก็มีชื่อข้าวหุง(ไม่มีผงกระหรี่) ใส่ขิงอะไรแบบเนี๊ยะ จำไม่ได้หรอก แต่จำชื่อได้งัย เลยเอานะ ขอชื่อมาใช้หน่อยแล้วกัน ออกมาเป็นชื่อ"อโรมา จิงเจอร์ ไรซ์" อิๆๆๆ ตั้งเท่ห์ๆไปงั้น แต่จริงๆก็ลูกครึ่งๆข้าวมันไก่ หรือข้าวหมกไก่นั่นแหละ เลยไม่รู้จะเอามาใส่หมวดอาหารอะไรดี ข้าวก็ข้าวของไทยนี่เนอะ เอาเป็นอาหารไทยแล้วกันน่า

มาดูกันว่าใส่อะไร แล้วจะบอกว่า"อ๋อ"เลยล่ะ

เครื่องปรุง

ข้าว ประมาณ 4-5 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า ก็เท่ากับหุงข้าวทุกครั้งแหละ
เกลือนิดหน่อย พอให้รสชาด
กระเทียมกลีบผ่าครึ่งสัก 4-5 กลีบ
ขิงหั่นแว่นสัก 4-5 ชิ้น
น้ำมันมะกอก ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ กะๆเอาค่ะพองาม
ผงกระหรี่ 1-2 ช้อนชา(มันไม่ค่อยเหลืองอ่ะ เป็นของอินเดียว่างั้น)

วิธีทำ

ไม่ยากค่ะ ก็เอาทุกอย่างหุงรวมกันเหมือนตอนทำข้าวมันไก่ ไม่ต้องผัดอะไรให้มันยาก ล้างหั่นเสร็จก็หุงตามปรกติเลยค่ะ คนๆให้เข้ากันหน่อย ให้กระเทียม ขิง มันกระจายทั่วพื้นที่ จะได้ทำงานสะดวก หอมมมมมมมงัยคะ

พอข้าวเริ่มสุก เครื่องเริ่มร้อง วี๊ๆๆๆๆ กลิ่นก็มาด้วยค่ะ หอมเชียวแหละ มั่วๆก็อร่อยได้เหมือนกันนะ หม้อเรามันเก่า ของราคาถูกอ่ะ ไม่ใช่อุ่นทิพย์ เราเลยต้องมีทริคหน่อย ตอนข้าวมันสุก มันเด้งแล้วทิ้งไว้ 2-3 นาทีก็ถอดปลั๊กเลย แล้วก็คนๆๆเข้าให้มันร่วนๆอ่ะ ไม่งั้นหม้อเก่าๆอย่างเราทิ้งไว้ในเครื่องก็ข้างล่างก็มีรอยไหม้เป็นสีน้ำตาลค่ะ ถ้าเรายกหม้อออกจากตัวเครื่องเลย แล้วก็เสยข้าว(ภาษาอีสานแถวบ้านหรือปล่าวไม่รู้นะ)หรือฝรั่งเรียกว่า fold อ่ะ รับรองไม่มีรอยสีน้ำตาลเลย ส่วนใครมีหม้อดีๆก็ไม่เห็นต้องกังวลเนอะ เมื่อไรน๊าจะมีตังค์ซื้อหม้อละ 100 ซะที

แกงเขียวหวานไก่



ถึงคิวของแกงเขียวหวานไก่แล้ววว อันที่จริงก็คงเหมือนคนอื่นทั่วไป แต่ก็อยากเอามาโชว์มั่ง หม้อนี้ทำไปเลี้ยง"แฟมมิลี่รียูเนี่ยน"หรือวันที่ญาติๆมาเจอกัน พาลูกหลานมาเจอกัน ทำอาหารไปรวมกัน กินด้วยกัน คุยกัน ถามทุกข์สุขกัน อะไรประมาณนี้ แล้วเราก็ทำแกงเขียวหวานไปค่ะ พูดถึงก็ตามมีตามเกิด ตามประสาคนอยู่ไกลบ้าน มีอะไรก็ใส่ไป มาดูกันว่าวันนั้นแอนน์ได้ใส่อะไรไปบ้าง อันที่จริงอยากอวดว่าโหระพางามมาก เลยใส่ซะสะใจ หอมมากมาย เพราะโหระพาบินมาไกลจากรัฐเมน ถึงรัฐเท็กซัสเลยทีเดียว เพราะว่าเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ได้บินไปหาน้าที่รัฐเมน ไปช่วยงานร้านอาหารและก็เลยขอก้านโหระพาเขาบินกลับมาด้วย ยัดใส่กระเป๋าเดินทางมา เอามาเสียบใส่ดิน รดน้ำเขา เขาชอบแดดๆหน่อยก็เอาไปกลางแดดเลย โตงาม



ตอนนี้ก็มาดูกันว่าตามมีตามเกิดแบบไหนบ้าง

เครื่องเครื่องแกงเขียวกระป๋อง 1 กระป๋องเล็ก(แม่ศรี)
กะทิกระป๋อง 1-2 กระป๋อง อันนี้แล้วแต่ชอบอ่ะ
น้ำมันคาโนล่านิดหน่อย
น้ำปลาปรุงรสตามชอบ
น้ำตาลนิดหน่อย
น้ำมันหอย(แอบใส่ไปหน่อยเติมรสอร่อย)บางคนอาจไม่ใส่
เนื้ออกไก่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า(หรืออยากหั่นยังงัยก็แล้วแต่)
peas and carrots แบบแช่แข็งมาแล้ว ง่ายๆ ติ๊ต่างว่าเป็นมะเขือพวงค่ะ เขียวๆเล็กๆอ่ะ ส่วนแครอทสร้างสีสันค่ะ
หน่อไม้ 1 กระป๋องขนาด 15 ออนซ์โดยประมาณ
บวบเหลืองฝรั่ง(yellow squash)หั่นพอคำ รสชาดแทนมะเขือได้ แม้สีจะไม่ให้เท่าไร
ถั่วฝักยาว ตัดเป็นข้อๆตามชอบ
โหระพา พระเอกตัวจริงเสียงจริง ขาดก็เหงาตายค่ะ

วิธีทำ

1.เอาน้ำมันลงหม้อ แล้วก็ตามด้วยเครื่องแกง ผัดให้หอม
2.เติมเนื้อไก่ลงไปผัดให้สุก แล้วตามด้วยกะทิ(แต่บางทีก็เติมกะทิก่อนแบบให้กะทิเดือดๆจนแตกมันแล้วค่อยเติมไก่ แล้วแต่บางทีอ่ะ)แล้วเติมหน่อไม้
3.เดือดแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ตามชอบ(ขอแหวกใส่น้ำมันหอยนิดหน่อยเพื่อความมันในอารมณ์) บางคนไม่ชอบน้ำตาลเขาก็ไม่ใส่ แต่บ้านนี้ชอบค่ะ
4.ตามด้วยถั่วฝักยาว เม็ดถั่วลันเตากับแครอทซึ่งล้างน้ำไว้แล้ว สัก 2-3 นาทีก็เติมบวบฝรั่งได้เลย ปิดไฟเลยไม่งั้นเละไปค่ะ
5.เอาโหระพามาใส่ๆคนๆลงไปเลยค่ะ ตามชอบตามสะดวก

หมายเหตุ

เท่าที่เคยทำมาอ่ะ กะทิมันก็มีหลายแบบ แต่ละแบบก็เลือกใช้ต่างกัน บางชนิดทำไว้เพื่อของหวาน บางชนิดทำไว้เพื่อแกงเผ็ดแบบนี้ แต่หลายๆชนิดก็ไม่ได้บอกว่าเพื่ออะไร อะไรก็ได้ แต่ว่าส่วนใหญ่มันไม่ใช่แบบมันเข้มข้น หรือหัวกะทิอ่ะ ถ้าอยากได้แบบมันๆก็ต้องกะทิแม่พลอยแบบมันเข้มข้น อันนั้นน่ะ น้ำมันออกจากกะทิเงาสวยมาก หอม แต่ถ้าเราใช้แบบอื่น แบบอะไรก็ได้ถูกไว้ก่อนอ่ะ ก็จะไม่ค่อยมันเท่าไร ต้องอาศัยเติมน้ำมันคาโนล่า หรือน้ำมันมะกอกเอาอ่ะ ต้องยอมหน่อยถ้าอยาก"มัน" อิๆๆเท่าที่ชอบของเรากะสามีเนี่ย กะทิ 1 กระป๋อง ต่อ เครื่องแกง 1 กระป๋องค่ะ เพราะสามีทานเผ็ด พอดีเลยค่ะ และขาดไม่ได้คือถั่วฝักยาว สามีบอกเข้ากันดี๊ดีกับแกงเขียวหวานแหละแม้จะไม่ถูกต้องตามหลักอาหารไทยแบบออริจินัลนัก แต่ก็อยู่ไกลๆบ้านแบบนี้ หายอยากได้สบายเลยค่ะ สามีไม่ชอบไปที่อื่นเลยแหละ อาหารไทยเนี่ยยึดสามีไว้กับเราเลย อิๆๆ อิ่มอร่อยกันถ้วนหน้า

เกาเหลาเนื้อเปื่อย



ถ้วยนี้ทำเป็นเกาเหลา เพราะบ้านเราตอนเย็นไม่เน้นแป้ง เลยต้องเป็นเกาเหลา



แอบใส่หมูยอลงไปด้วยอ่ะ พอดีลูกชิ้นหมด เลยเอาหมูยอมาแทน อืม..อร่อยไม่หยอกเลยเนอะ ขนาดใช้เนื้อกวางนะเนี่ย เนื้อกวางนุ่มเชียวของเราแบบตามตู้เย็นมีค่ะ คือว่าผักติดบ้านปรกติมีอะไรก็ใส่อันนั้น และก็ไม่ชอบใช้คนอร์ถ้าไม่จำเป็น ถ้ามีเวลาปรุงเองดีกว่า อร่อยธรรมชาติกว่าอ่ะค่ะ และรอบนี้ไม่ได้ซื้อเนื้อมาหรอกค่ะ เพราะว่าต้องการจัดการกับเนื้อกวางที่ล่ามาจากปลายปีที่แล้วมา ก็เอามาดัดแปลงเป็นอาหารไทยเอา ถ้าทิ้งไว้นานก็เสียดายเนื้อกวาง เพราะว่า"แพง" อิๆ
เครื่องมีดังนี้
1.น้ำเป็นหม้อเลย สำหรับตุ๋นเนื้อเลย
2.โป๊ยกั๊ก 2-3 ดอก
3.แครอทปอกเปลือกใช้แบบเป็นหัวยาวๆนะคะ ไม่ใช่เบบี้ แต่ไม่มีก็เบบี้ก็ได้ ใส่ทั้งหัวเลย
3.หอมหัวใหญ่ 1 หัว
4.ก้นเซลารี่ล้างดีๆ หรือไม่มีก็ใส่ก้านนั่นแหละทั้งก้าน
5.เกลือนิดหน่อย
6.ซีอิ๊วขาว(อันนี้ใส่นิดนึงก่อนตุ๋น..พอเนื้อที่ทำสุกแล้วค่อยเพิ่มแล้วชิม)
7.ซอสถั่วเหลืองฝาเขียวนิดหน่อย
8.กระเทียม 2-3 กลีบ
9.เนื้อติดกระดูก (ส่วนใหญ่เวลาถ้าซื้อเนื้ออะไรมาถ้ามีกระดูก ก็จะแล่ๆเอากระดูกไว้ทำน้ำซุปเสมอค่ะ ชอบทำน้ำซุปติดบ้านไว้ใส่ช่องแข็งก็ได้) แต่วันนี้มีขากวางค่ะ เพราะสามีบ่นเวลาอบแบบฝรั่ง กลิ่นมันไม่ชวนทาน เลยคิดเอามาดัดแปลงทำเป็นไทยๆดีกว่า ดูซิสามีจะว่ายังงัย
10.ขิง สักเท่านิ้วเรานี่ล่ะ
11. ผงพะโล้วหรือ ซินนาม่อนก็ได้แล้วแต่จะมี หรือ five spices , allspices ก็ได้ ใส่เป็นช้อนพูนๆเลยล่ะ
ที่เราทำกินกันมีแค่นี้แต่ก็อร่อยค่ะ น้ำจะหวานจากผักกับกระดูกออกมา โดยไม่ต้องใช้คนอร์เลยค่ะ แต่ไม่ต้มไฟแรงนะ ต้มไฟกลาง พอตอนเนื้อสุกก็ค่อยเพิ่มซีอิ๊วขาวหน่อยหรือปรุงเพิ่มตามชอบ เพราะแต่ละลิ้นชอบต่างกันอ่ะ แล้วเราก็ต้มจนกลายเป็นเนื้อเปื่อยเลยค่ะ แอนน์ต้มทีเป็นครึ่งวันเลย หลังจากสุกอ่ะให้ลดไปลงต่ำสุด แล้วปล่อยเขาไปเรื่อยๆปิดฝา แล้วไปทำงานอื่น กลับมาก็ค่อยมาชิมอีก แซ่บหลายเด้อ คราวนี้ก็เอาไปทำก๋วยเตี๋ยวตามชอบเลยค่ะ ไม่รู้คนอื่นจะชอบเหมือนกันป่าว นี่ถ้ามีใบเตยเราก็จะมัดลงไปด้วย ยิ่งเพิ่มความหอมเหมือนความคิดเห็นอื่นอ่ะค่ะ แต่ไม่มีอ่ะ และผักก็ทั้งหลายอ่ะนะ น้าเราเขาทำร้านอาหารอยุ่อ่ะค่ะ เราเห็นทุกเช้าเขาต้มเป็นหม้อยักษ์มากเลย เพราะน้ำซุปเอาไปทำได้ทุกอย่างในร้านอ่ะค่ะ แค่ซุปผักที่ขายธรรมดาคนยังติดกันตรึม แต่เขาใส่น้ำตาลกรวดนิดนึง แต่เราไม่ชอบค่ะ เราชอบหวานจากผักก็โอเคแล้วอ่ะค่ะ ใครสะดวกแบบไหนก็เอาแบบนั้นนะคะ แล้วแต่ความชอบส่วนตัวแล้วกันค่ะ
ที่เราทำนี้ก็เป็นอีกความมั่วหนึ่งแต่ออกมาอร่อยก็แค่นั้นเอง สามีเนี่ยบอก 2 thumbs up เลยนะคะ เอามาจัดแต่งปรุงเป็นเกาเหลาให้เขา ลืมรสชาดเก่าๆแบบฝรั่งได้เลย อ้อ..เวลาเราทำไว้นะ ไม่ชอบมันเยอะๆใช่ป่ะ เราก็แช่ตู้เย็นเมื่อเขาเย็นดีแล้วอ่ะ แช่ไว้พอวันรุ่งขึ้นนะ(คือทำล่วงหน้าวันนึงงัยวันต่อมาค่อยกิน)ก็ตักเอามันข้างหน้าออก เพราะมันจะแข็งตัวอยู่ข้างบนเลยค่ะ ก่อนแช่ก็ตักเอากระดูก แงะเอากระดูกทิ้งซะก่อน ทุ่นเวลา ผักตัวไหนเปื่อยแล้วอยากทิ้งก็ทิ้งไปเลย แต่เราเก็บแครอทนะเพราะชอบกิน นอกนั้นก็ตักทิ้งไป
เครื่องอื่นๆที่เอามาทำเป็นเกาเหลาก็มี
ถั่วงอก
ผักชี
หอมซอย
พริกป่น หรือพริกดองน้ำส้มก็ตามมีตามเกิดอีกอ่ะ ขี้เกียจออกไปซื้อ มีไรก็กินอันนั้น
เสร็จแล้วก็สังสรรค์กันตามประสานะคะ

ข้าวต้มอนามัย



เครื่องที่เราใส่ในวันนั้นนะก็มี

ข้าวกล้อง.....1-2 กำมือเองค่ะ คัดแกลบออก ล้างให้สะอาด
น้ำเปล่า........ สำหรับต้มข้าวค่ะ ค่อยเติมไปเรื่อยๆเอาแล้วกัน กะเอา แล้วแต่ชอบมากน้อย ของเราเราใช้น้ำซุปที่เคยต้มไก่หรือกระดูกหมูไว้อ่ะ เราเก็บใส่ช่องแช่แข็งไว้อ่ะ ก็เอาออกมาใช้ค่ะ
เกลือ...........นิดหน่อย ใส่หลังจากต้มข้าวไปนิดนึงแล้วอ่ะ หรือถ้าน้ำซุปได้ใส่เกลือไปแล้วก็อย่าเพิ่งเติมเกลือ
หอมหัวใหญ่..หั่นเต๋า
celery.........หั่นเต๋า
ซีอิ๊วขาว.......ปรุงรสตามชอบ บางคนจะใช้คนอร์ก้อนก็ได้ แต่ไม่เอาค่ะ ไม่ชอบเท่าไร ชอบปรุงเอง แต่เราว่านะซีอิ๊วขาวเนี่ยเหมาะกับข้าวต้มเป็นที่สุด โดยเฉพาะแบบเห็ดหอมอ่ะ ทำให้หอมมากเลยค่ะ
พริกไทย......อันนี้คู่กันดีกับข้าวต้ม ชอบมันร้อนดี
แฮม............เราเลือกแบบเป็นก้อนมาตัดเอง เพราะเราชอบแบบตัดเป็นสี่เหลี่ยมอ่ะ จะให้ดีเป็น turky ham นะคะ ไขมันต่ำกว่า และก็ยังถูกกว่าอีกด้วย 3 เหรียญกินได้นานเลย
เม็ดpeas......เม็ดที่กลมๆเขียวๆอ่ะค่ะ มีแช่แข็งขายนะคะ ที่เขาแกะมาจากถั่วลันเตาอ่ะค่ะ
แครอท........หั่นเต๋า
ข้าวโพด.......อันนี้เพื่อความสะดวก มีแช่แข็งขายเหมือนกันค่ะ
ผักชี............หั่นเป็นฝอยๆ
ต้นหอม........หั่นเป็นฝอยๆ เช่นกัน

ขั้นตอน ก็ไม่ยากค่ะ

1.ต้มข้าวก่อนค่ะ เริ่มสุกแล้วแต่อย่าให้สุกมากไปนะคะ เพราะต้องต้มไปพร้อมกับของอย่างอื่นอีก แล้วเติมหอมหัวใหญ่ กับเซเลอรี่ นะคะให้เดือดสักพัก
2.เติมแครอท ต้มประมาณ 3 นาทีก็เติมข้าวโพด เม็ดถั่วลันเตา แฮม
3.ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว พริกไทย เกลือนิด แล้วแต่ชอบนะคะ ข้าวต้มเนี่ยปรุงง่ายอยู่แล้ว ถ้าใส่คนอร์ก็เอาใส่ครึ่งก้อนก่อนนะคะ เผื่อว่าจะเค็ม เพราะว่าแฮมก็เค็มอยู่บ้างแล้ว
4.เดือดแล้วก็ยกลงเลยค่ะ
5.โรยหน้าด้วยผักชี ต้นหอม และกระเทียมเจียวน้ำมันพริก

พูดถึงกระเทียมเจียวน้ำมันพริก แถวบ้านเนี่ยชอบมากเลย ชอบใส่กับหลายอย่าง ใส่กับข้าวเปียกของคนเวียดนาม หรือญวณ นั่นเอง ที่เขาเรียกว่า ก๋วยจั๊บเวียดนาม อ่ะค่ะ หรือไม่ก็ใส่กับโจ๊ก ก็หอมสุดๆ น้ำมันกับพริกรวมกันแดงๆ แล้วอร่อยสุดๆ ถ้ากลัวอ้วนก็อย่าตักน้ำมัน ตักแต่กระเทียมนิดหน่อยแล้วกัน 555

หมายเหตุ...สักนิดนะคะ คือว่าไม่ได้บอกปริมาณเพราะว่าทุกอย่างใส่อย่างละนิดอ่ะค่ะ กะเอาชอบกินอะไรเยอะก็ใส่ไป



เป็นยังงี้แหละ แค่เจียวกระเทียมให้หอมเหลืองแล้วเอาพริกป่นลง เสร็จแล้ว



อันที่จริงเอามาลง มันก็ไม่ใช่สูตรอะไรหรอกนะคะ ใครๆก็ทำได้ทั้งนั้นอ่ะค่ะ แต่ว่าอยากเอามานำเสนอเพื่อนๆ ว่ามันน่ากิน และเพื่อสุขภาพดีออก ไม่น่าเบื่อด้วย เพราะมันอร่อยอ่ะค่ะ ทีเด็ดอยู่ที่น้ำมันเจียมกระเทียมพริกป่น อันนี้ไม่ต้องกลัวอ้วนนะคะ ใส่หน่อยเดียวเองอ่ะ ไม่ถึงขนาดต้องอ้วนขนาดนั้นหรอกนะคะ ยังงัยก็ยังดีกว่าการไปกินของหวานเป็นก้อนๆ 555 (เอาใจตัวเองเข้าไว้)

อ่อมอินเตอร์



อาหารวันนี้เป็นอาหารขึ้นชื่อของภาคอีสานของเราเอง อิๆๆ เพราะว่าคราวก่อนกิ๊ฟเขาทำอ่อม แล้วเราก็เกิดอยาก เลยตั้งใจเอาการบ้านนี้มาส่งกิ๊ฟ แต่ว่าเราไม่มีน้ำปลาร้าเหมือนกิ๊ฟบอก ไม่มีแมงลัก แต่ว่าไปอ่านเจอของคุณJekyll and Hydeจากบล๊อกแกง บล๊อกของเขาเขาใส่กะปิ เลยขออนุญาติส่งการบ้านไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ เขาก็มีอาหารเยอะน่าสนใจค่ะ เรามีลิงค์อยู่ที่ลิงค์ของเพื่อนด้วยเผื่อใครอยากเข้าไปดูค่ะ เขาเรียกว่า"อ่อมอินเตอร์"ค่ะ งั้นเราก็ขอโกอินเตอร์เหมือนกันนะคะ คุณ Jekyll and Hyde ขอบคุณค่า แต่ขอเรียกว่า"อ่อมประหลาด"แล้วกันนะคะ



อ่อมประหลาด

เกิดขึ้นเพราะความอยาก และเป็นช่วงที่กะลังลดความอวบอยู่เลยเกิดไอเดียที่เกี่ยวกับผักๆๆๆๆทั้งหลายค่ะ จะได้ทานตอนเย็น ลดไขมันที่พอกพูน ก่อนจะทำก็แชทกับแม่ค่ะ ถามแม่ว่า"แม่..อ่อมใส่ผักไรมั่งอ่ะ" แม่ตอบว่า "อยากใส่อะไรก็ใส่ไปเลยลูก" 555 สวยสิแม่ ใส่ไปเลยจริงๆ 555

ปล.ค่ะ
1.ในรูปอ่ะ มี acorn squash อิๆ ติ๊ต่างว่าเป็นฟักทองเนอะ ตู่(น้องในเวบนึง)บอกว่าใส่เนย แต่ว่าพี่ลดความอวบอยู่อ่ะ เลยต้องเอาไปลงในซุปแทน พอได้มะตู่ รูปร่างมันก็ดูสวยงามอยู่นะ แต่ตอนกินก็อร่อย แล้วก็รสกับเนื้อเหมือนทานฟักมากกว่า สงสัยไปทำแบบตู่ว่าจะเวิร์คกว่า แต่ว่าก็โอเคค่ะ
2.ประการต่อมา วันที่ไปซื้อของอ่ะ ดันลืมซื้อหอมแดงเสียนี่ แต่ว่ามีหอมขาวมันดูไม่เข้ากันเลยนะ แต่ว่าดีกว่าอดวุ้ย อยากทานจนจะลงแดง ต้องสนองต่อมอยากเสียหน่อย แล้วก็ลืมซื้อปลาร้าขวดค่ะ เลยต้องเสก"กะปิ"ลงไปแทน ออกมานะ หอมมมมมม รีบไปเปิดหน้าต่าง เปิดฮู๊ด แล้วจุดเทียนหอมทันที 555 เป็นอันว่าได้กินอ่อมสมใจ

เครื่องมีดังนี้นะคะ

หอมแดง(ไม่มี..มีแต่หอมขาว)ประมาณ 1/2 ถ้วยตวงเลยอ่า
กระเทียม ใส่ไปเลย 7-8 กลีบ หอมดี ชอบ
พริก เคยเห็นเขาใส่กัน 25 เม็ด ไม่ไหวอ่ะ รับบ่ได้ก๊า ใส่ไป 10 เม็ดก็พอ เรามันเดะๆๆ
ตะไคร้ ที่ซื้อมาหลายเดือนเพิ่งได้ออกโรงก็วันนี้ล่ะ 2 หัว แล้วก็หั่นเป็นแว่นๆๆๆๆๆๆๆเล็กๆ
เกลือ นิดหน่อย
กะปิ จกด้วยช้อนทานข้าวสัก 1/2 ช้อนพูนๆ กะเอาอีกล่ะ
ไก่ แล้วแต่จะชอบ สัก 2 ปอนด์ไปเลย กะเอาชอบเยอะใส่เยอะ ชอบน้อยใส่น้อย หั่นพอคำอย่างที่ชอบ เราซื้อสะโพกไก่แบบไม่มีกระดูกมาใส่อ่ะ เพราะเห็นว่ามันถูกกว่าอก แต่ถ้าซื้อทั้งสะโพกมา ขี้เกียจตัดกระดูกอ่ะ
ผักค่ะผัก แล้วแต่จะชอบ ที่ใส่วันนี้ก็มี
+ซูกินี่ (zucchini) 2-3 หัว
+เยลโล่สควอว์ช(yellow squash) 2 หัว
+มะเขือเปราะ 10 หัว ได้มาจากร้านเอเชีย สวยดีเลยซื้อมา
+อคอร์นสควอร์ช(acornsquash) 1/2 หัว (แบบว่าอยากลองว่ารสชาดเป็นงัยอ่ะ)
+ดิล(baby dill) 2 ห่อพลาสติคแข็งๆ ห่อละตั้ง 2 เหรียญ โคตรแพงเลยอ่า
ผักทั้งหลายก็หั่นอย่างที่จะชอบอ่ะนะ พอคำเข้าไว้
น้ำปลา ปรุงรสค่ะ กับข้าวเบือค่ะ

**ข้าวเบือคือข้าวสารที่แช่น้ำแล้วมาตำเพื่อจะใส่ในแกงให้เหนียวขึ้น..น่ากินมากค่ะ**
**น้ำตาล...อย่าใส่โดยเด็ดขาดนะคะ เป็นสารต้องห้ามของเมนูนี้ค่า**

จะลงมือเลยนะ

1.ตำตะไคร้ที่หั่นฝอยแล้วนะใส่เกลือ ให้ละเอียดโกรธใครก็มาลงเอาตรงนี้แล้วกันนะ จะได้สบายใจ อิๆ เอาพริกลง เอากระเทียมตาม หอมตาม แล้วตามด้วยกะปิต่อ และถ้าไม่มีครกสากเหมือนที่เราไม่มีมะก่อนนะ ก็เอาลงเครื่องปั่นเลยค่ะ สัก 2-3 จึ๊กๆ ก็ละเอียดได้ดังใจแล้วค่ะ แต่วันนี้อยากตำค่ะ อารมณ์แบบว่าเหมือนอยู่บ้าน คิดถึงแม่ค่ะ
2.ละเอียดหนำใจแล้วก็เอาไก่ล้างสะอาดแล้วหั่นแล้วมาลงคลุกด้วยกันซะ จะได้หนำใจจริงๆ อิๆ
3.เอาข้าวสารที่แช่แล้วมาตำเป็นข้าวเบือค่ะ อ่า..ต้องล้างครกก่อนนะจ๊ะ
4.เอาไก่ที่คลุกไว้มารวนในหม้อใบใหญ่ค่ะ รวนพอตึงก็เติมน้ำ เปิดไฟให้แรงนะคะให้น้ำเดือด เติมน้ำปลาปรุงรสค่ะ
5.เอาอคอร์นลงไปเพราะว่าสุกยากกว่าอย่างอื่น แล้วก็ตามด้วยผักชีลาวค่ะ เพราะอยากให้หอม
6.เติมมะเขือลงไปพร้อมกับข้าวเบือ
7.พอเดือดเอาซูกินี่กับเยลโล่สควอร์ชใส่เลยค่ะ แล้วปิดไฟเลย เพราะไม่ชอบสุกๆอ่ะเละไปไม่หย่อยไม่ชอบบบ

หม้อนึงเลยค่ะเนี่ย ทานกับข้าวตอนกลางวัน หรือกลัวอ้วนก็ตอนเย็นเอาไว้ทานสิคะ จะได้ไม่มีแป้งงัย แค่แป้งจากข้าวเบือ ไม่อ้วนหรอกค่ะ จริงมั๊ยคะ???












ตำถั่วฝักยาว



อยู่ไกลๆบ้านใครว่าจะไม่มีของเหล่านี้กิน แต่ก็นานๆที เวลาได้ของมาจากในเมือง เวลาไปเที่ยวมา วันต่อๆมาก็จะได้ทานอาหารแบบนี้กันค่ะ ถั่วฝักยาว หรือบางทีก็ถั่วฝักยาวฝรั่งเนี่ยแหละ กุ้งแห้ง อู๊ย....อร่อยสะใจ


เครื่องปรุง
ถั่วฝักยาวมะเขือเทศลูกเล็กแครอทฝอยพริก กระเทียม น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา มะนาว(ไม่มีปลาร้าก็ใส่กะปิแทน อิๆ)กุ้งแห้ง


วิธีทำ
ตำกระเทียม พริก พอหยาบๆตามด้วยกุ้งแห้ง(เพราะมันแข็ง) เอาแครอทฝอยตามลงไป ตำอีกนิด แล้วใส่ถั่วฝักยาวลงตำให้บุบๆหน่อย เติมน้ำตาลบี้ๆให้ละลาย น้ำปลา มะนาว ตามชอบ กะปิก็ใส่พร้อมๆกับกุ้งแหละ สุดท้ายเติมมะเขือเทศ แล้วบี้ๆข้างๆครก ให้มะเขือเทศแตกน้ำออกมา รสชาดให้เข้ากัน ชิมตามชอบ เรากินกับผักที่ทำสลัดสีเขียวๆก็อร่อยดี


ปล.พิมพ์ไปน้ำลายหกไปด้วย เพราะว่าป้าแดงกำลังจะมาเยี่ยม เลยทำให้อยากเป็นพิเศษ

แจ่วอีสาน




เครื่องปรุงโดยประมาณ

หอมแดง 10 หัว
กระเทียม 6 กลีบ
พริก 4-5 เม็ด
ต้นหอม 1 กำมือ
ผักชี 1 กำมือ
มะนาว 1-2 ลูก
น้ำปลา (ใส่ลงไปเลย แล้วชิมเอา อิๆ)
เกลือ นิดนึง

วิธีทำ

1.แกะหอมแดง กระเทียม พริก ต้นหอม ผักชี ล้างน้ำ ซับให้แห้ง2.ห่อใส่ฟอล์ย แล้วเอาไปย่างไฟหรือเผา หรือเอาไปย่างโดยตรงเลยก็ได้ หรือบางคนก็ใช้อบ เปลืองไฟหน่อย นานหน่อย ย่างพอสุกเกรียมๆหอมๆก็เอาออก3.เตรียมครกสากได้เลย ตำกระเทียม พริก หอมแดง เกลือ ไม่ต้องละเอียดนัก 4.ตามด้วยต้นหอม ผักชี ตัดเป็นท่อนๆ แล้วตำรวมกัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว

หมายเหตุ
**ปรกติอาหารอีสานไม่ค่อยใส่น้ำตาล แต่บางคนชอบก็ใส่ก็ได้**หัวหอมแดง อยู่เมืองนอกหาได้ตามตลาดทั่วไป แถวๆช่องหัวหอม แต่ว่าไม่ใช่หัวใหญ่(หรือจะใช้ห้วใหญ่แทนก็ไม่ผิด) เรียกว่า"เพิร์ลออเนี่ยน"หรืออะไรประมาณนี้ แต่ว่าเลือกเอาสีม่วง เพราะมันมีขาว กับม่วง จะขายใส่กระสอบเล็กเท่า 2 ฝ่ามือ กินครั้งสองครั้งก็หมด**ผักทุกอย่างมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความชอบ เช่น เราชอบผักเยอะๆ แต่พริกเม็ดนึง อิๆ แบบว่าทานเผ็ดแล้วท้องรับไม่ได้อ่ะ ปวดๆๆๆเลยต้องงด**รสชาดออกเค็มนำ เปรี้ยวตาม

++++++++++++++++++++++++++

อุตส่าห์จำมาจากที่แม่ทำนะเนี่ย พอดีแม่มาเยี่ยมบ้านที่เท็กซัส ก็เลยลงมือช่วยกัน แล้วแม่เป็นคนปรุง แค่เอาผักต้ม จิ้มกับแจ่วผักแบบนี้ กินกับปลานึ่ง โอ๊ย...อยากปูเสื่อนั่งกินกับครอบครัวให้มันรู้แล้วรู้รอด

ไข่อบชีส แฮม และบวบฝรั่ง



ทานกับ ketchop อร่อยดีจัง หรือจะเติมซาลซ่าไปด้วยก็ยิ่งดี



เปิดเผยให้เห็นโฉม



อันนี้เป็นรายการอาหารเช้าชนิดหนึ่งที่ดัดแปลงเอาเอง แต่กลับเอามาทานเป็นดินเนอร์เสียนี่ เพราะว่าเบื่อกับผัดๆต้มๆในบางครั้ง เลยอยากทาน breakfast for dinner ขึ้นมา และที่ขาดไม่ได้อีกอย่างนั่นก็คือผัก ก็เลยคิดว่า เอ๊..ยังงัยดีชั้น ถ้าทำอาหารเช้าแบบไข่ๆมันก็ไม่มีผัก เลยนึกถึงไข่ตุ๋น แต่ไม่อยากกินตุ๋น อ่ะ..จัดการทันที ได้ความดังที่เห็นเนี่ยแหละหน้าตาก็งั้นๆใช่ป่ะ แต่ขอบอก สามีอ่ะบอกไม่กิ๊น..ไม่กิน แต่ไหงครึ่งถาดที่เหลือ หายไป????????ในคืนนั้น ฮ่าๆๆ

วิธีการ..ไม่ได้มีอะไรมากมาย ถ้าทำไข่คนเป็นก็ต้องผสมส่วนผสมเป็น

ไข่ 3-4 ฟอง
นม ประมาณ 2/3 ถ้วยตวง กะเอาอ่ะ
เกลือ นิดหน่อย
พริกไทย นิดหน่อย
แฮม หรือเนื้ออะไรตามชอบ ไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ ถ้าชอบซักประมาณกินกันไม่เกินสองคนอ่ะนะ
ชีส เช่น มอสซาเรลล่า เชดด้า อเมริกัน แต่วันนั้นผสมกันไปหมดแม้แต่พามีซานอย่างละหน่อย กะเอาแล้วกัน
yellow sqaush, zucchini, onion, cabbage or ผักอะไรก็ได้นะตามชอบ อย่างละ1/3 ลูก
เส้นสปาเก๊ตตี้ หรือข้าวกล้อง ก็ได้นะถ้ามี มีประโยชน์ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ

**เครื่องแต่ละอย่าง อย่าให้มันมากเกินไป เพราะถ้ามากไป มันจะกลายเป็นไม่ใช่แค่สองคน อิๆ แบบว่าครั้งแรกๆกะไม่ค่อยถูก มันจะเยอะบานตะไทเลย แล้วก็ต้องเผื่ออาหารมันฟูตอนอบด้วยอ่ะสิ เพราะฉะนั้นรวมกันแล้วอย่าให้เกิน 2/3 ของถ้วยอบเชียวนะเดี๋ยวได้ทำความสะอาดเตาอบ อันนี้มิสามารถช่วยได้ อิๆๆ

วิธีทำ..

1.เอาถ้วยอบแบบไม่ต้องใหญ่ ประมาณทานสองคนได้อ่ะ มาฉีดสเปรย์ไว้ กันติด
2.ตัดผักกับแฮมเป็นขนาดเดียวกันที่เขาเรียกว่า shredded คือการหั่นเป็นเส้นเล็กๆผอมๆความยาวประมาณ 1 นิ้ว หรือนิ้วกว่า ประมาณนี้ เอาผสมรวมกันกับชีส(เก็บชีสไว้อีกนิดหน่อยสำหรับโรยหน้า) แล้วก็โรยลงบนถ้วยอบได้เลย ถ้ามีข้าวผสมข้าวลงไปในขั้นตอนนี้เลย แล้วก็โรยลงบนถ้วยอบ หรือจะเรียงเป็นชั้นๆก็ไม่ผิดกติกา ฉันกินเองอยู่แล้ว
3.หันไปตีไข่ นม เกลือ พริกไทย ให้เข้ากันแล้วก็เทราดทับลงไปบนเครื่องทั้งหมด มันจะพอดีท่วมเครื่องเลย เพราะฉะนั้นเครื่องทั้งหลายต้องอย่างละหน่อยจริงๆ เพราะรวมกันแล้วมันมากโข เน้นๆผักก็แล้วกัน ผักมันจะยุบหน่อยนึง แล้วก็ตบท้ายด้วยการโรยหน้าด้วยชีส(ชอบมอสซาเรลล่า อร่อยดี)
4.อบด้วยอุณหภูมิ 400 F ประมาณ 25-30 นาที ก็เสร็จแล้ว ยกออกมาพักไว้ข้างนอกให้อุ่นก่อนสักหน่อย รีบกินร้อนปาก ลวกลิ้น เวงกำ ฮ่าๆๆ

Blueberry Muffins



I sprayed not enough...



So I had to do "up side down muffin" ^o^It was for Valentine's Day 2007 to my husband for lunch..cuz he had to work! He ate my whole heart WOW!!!!



Just like this!! and taste just right!!

Ingredients

1 1/2 cups all purpose flour
3/4 cup white sugar
2 teaspoons baking powder
1 egg, beaten
1/4 cup canola oil
1/2 cup buttermilk
1/2 cup fresh blueberries


Directions

Preheat oven to 400º F.In a mixing bowl, stir together dry ingredients.Combine beaten egg, oil and buttermilk, and then add to dry ingredients until just moistened.Put foil liners in muffin tin and divide batter evenly, filling each liner approximately 1/2 full (reserve approximately 1/2 cup of batter).Spoon blueberries on top and gently stir in each muffin. Distribute remaining 1/2 cup of batter among the muffins, drizzling over top.Bake approximately 20-25 minutes.

Dried Cranberry Shortbread Hearts



I made these for my husband to take to his friends at work. They liked it a lot. That was my husband told me about!!

Dried cranberries was good with this shortbreads.



1 cup (2 sticks) unsalted butter, room temperature
3/4 cup sifted confectioners' sugar( I used regular)
1 teaspoon pure vanilla extract
2 cups sifted all-purpose flour
1/2 teaspoon salt
1/2 cup finely chopped dried cranberries or cherries
1. Heat oven to 325° with a rack in center. Combine butter, confectioners’ sugar, vanilla, flour, and salt in a large mixing bowl. Beat with a wooden spoon until combined but not too creamy. Stir in dried cranberries.
2. Pat dough evenly into an 8- or 9-inch-square baking pan. Bake until just beginning to turn golden, about 20 minutes. Place pan on cooling rack until cool enough to touch, about 20 minutes. Run knife around edges, remove shortbread, and transfer, right side up, to work surface. Use 1 1/2- to 2-inch heart cookie cutter to cut out cookies. Use a paring knife to trim stray bits of cranberry from edges. Cookies will keep for 5 days at room temperature in an airtight container.